ท่วมนครศรีฯ ลามหนัก ชาวบ้านผวาไอ้เข้หลุดจากสวนสัตว์-ฟาร์มนับสิบตัว จนไม่กล้าลงเล่นน้ำ ตามไล่จับได้อื้อ สั่งปิดสนามบินเพิ่มอีก 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-9 ม.ค. เหตุน้ำท่วมรันเวย์เพิ่มเติม ระทึกน้ำป่า-ดินถล่ม พ่อปกป้องลูกเมียจนบาดเจ็บ ตรังจมอีกรอบ-มิด 2 เมตร เร่งอพยพหนีไปอยู่บนพนัง ขณะที่กระบี่-สงขลายังวิกฤตหนัก ปภ.สรุปเซ่นน้ำท่วมใต้แล้ว 11 ศพ เผยพัทลุง-ตรัง-ชุมพร ระดับน้ำยังเพิ่มสูง โรงเรียนใต้อ่วมท่วม 1,500 แห่ง ส่วนวัดจมกว่า 300 แห่ง เร่งช่วยพระ-เณรเดือดร้อนหนัก ยิ่งลักษณ์แนะรัฐบาลเดินหน้าลงทุนแผนบริหารจัดการน้ำที่เคยทำไว้

เซ่นน้ำท่วมใต้แล้ว 11 ศพ

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในภาคใต้ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน 10 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และระนอง รวม 85 อำเภอ 490 ตำบล 3,376 หมู่บ้าน 93 ชุมชน ประชาชนเดือดร้อน 252,518 ครัวเรือน 744,422 คน มีผู้เสียชีวิต 11 รายและสูญหาย 1 คน

โดย จ.พัทลุง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ จ.นราธิวาส น้ำไหลหลากเข้าท่วม 13 อำเภอ จ.ยะลา ไหลหลากเข้าท่วม 4 อำเภอ จ.สงขลา ท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ จ.ปัตตานี ไหลหลากเข้าท่วม 8 อำเภอ จ.ตรัง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ จ.สุราษฎร์ธานี เข้าท่วม 8 อำเภอ จ.นครศรีธรรมราช ท่วม 17 อำเภอ จ.ชุมพร ท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ และ จ.ระนอง ท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ซึ่งภาพรวม ยังมีฝนตกในพื้นที่ ระดับน้ำลดลง ยกเว้น จ.พัทลุง จ.ตรัง และ จ.ชุมพร ที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้น และนราธิวาสระดับน้ำทรงตัว

นครศรีฯ ผวา-ไอ้เข้หลุด

สำหรับสถานการณ์ฝนตกและน้ำท่วม เริ่มจาก จ.นครศรีธรรมราช น้ำยังท่วมขังในหลายพื้นที่ รวมถึงตัวเมืองนครศรีธรรมราชที่ยังวิกฤตหนัก บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ซึ่งไม่เฉพาะประชาชาชนเท่านั้นที่เดือดร้อน แต่สัตว์หลายชนิดในสวนสัตว์ ทุ่งท่าลาด สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 ก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือและแจ้งเตือนประชาชน ที่อยู่รอบพื้นที่ให้ระมัดระวัง เนื่องจาก นายมนัส พงศ์ยี่หล้า รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครศรีธรรมราช นำเจ้าหน้าที่เข้าไปเคลื่อนย้ายสัตว์และพบว่าจระเข้หลุดจากกรงแล้วนับ 10 ตัว ตอนนี้เจ้าหน้าที่พยายามควบคุมพื้นที่ เพื่อไม่ให้จระเข้ออกนอกบริเวณทุ่งท่าลาด เพราะโดยรอบน้ำยังท่วมสูง นอกจากนี้มีชาวบ้านพบจระเข้หลุดจากฟาร์มหลังเรือนจำเก่า 2 ตัวก่อนถูกยิงตาย พบยาวประมาณ 3-4 เมตร ก่อนชาวบ้านได้ชำแหละเอาเนื้อและหนังแจกจ่ายกัน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านบางส่วนไม่กล้าลงน้ำ เพราะกลัวอาจมีจระเข้หลุดออกมาทำร้าย

นอกจากนี้บริเวณซอยศรีธรรมโศก กลางเมืองนครศรีฯ ยังมีชาวบ้านจับลูกจระเข้ที่ออกมาเดินและว่ายน้ำบนถนนอีก 3 ตัว พบเป็นลูกจระเข้ทั้งหมด ยาวประมาณ 1 เมตร เบื้องต้นคาดอาจหลุดจากฟาร์มที่ถูกน้ำท่วม

ขณะที่ อ.สิชล เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มช่วงกลางดึก ก่อนดินโคลนเข้าไปกองในใต้ถุนบ้านและฝังรถจักรยานยนต์ 2 คัน ภายใน ม.6 ต.เขาน้อย อ.สิชล พ.ต. ประเสริฐ สายทองแท้ ผบ.ค่ายฝึกรบพิเศษ ที่ 4 จึงนำกำลังเข้าช่วยเหลือ พบนายสุทธิพัก ใจห้าว อายุ 39 ปี เจ้าของบ้านบาดเจ็บ ส่วนภรรยา ลูกวัย 9 ขวบและ 2 ขวบปลอดภัย โดยลูกสาววัย 9 ขวบเล่าว่า ขณะเกิดเหตุทุกคนกำลังนั่งอยู่ในบ้าน จากนั้นได้ยินเสียงฝนตกหนักและเสียงดังครืน ก่อนมีทั้งน้ำป่าและดินโคลนถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว โดยพ่อพยายามเข้ามาปกป้องคนในครอบครัว ทำให้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นชาวบ้านและเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ โดยหลังจากนี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยซ่อมบ้าน เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน

ปิดสนามบินนครฯเพิ่ม 2 วัน

ส่วนโรงพยาบาลได้รับผลกระทบน้ำท่วม 37 แห่ง เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 17 แห่ง โรงพยาบาลอำเภอ 4 แห่ง โรงพยาบาลจังหวัด 1 แห่ง โดยร.พ.ชะอวด สถานการณ์น้ำยังมีแนวโน้มท่วมต่อเนื่อง จึงย้ายผู้ป่วยหนักที่ต้องใช้ออกซิเจนไปยัง โรงพยาบาลนครศรีธรรม ราช 8 ราย และอีก 40 รายเป็นผู้ป่วยทั่วไป หากน้ำไม่ลดมีแผนส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลใกล้เคียง

นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยานฯ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชว่า ขณะนี้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นภายในรันเวย์ บริเวณหัวทางวิ่ง 01 และ 19 รวมถึงบริเวณปากทางเข้าท่าอากาศยานมีน้ำสูง รถเล็กวิ่งได้ลำบาก จึงขอปิดทำการบินเพิ่มอีก 2 วัน คือวันที่ 8-9 ม.ค. โดยกรมท่าอากาศยานประสานกับสายการบินให้ช่วยเหลือผู้โดยสาร และแจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน การคืนตั๋ว และมีบางส่วนที่สายการบินจัดรถเพื่อนำผู้โดยสารไปส่งที่ท่าอากาศยานสุราษฎร์ ธานี โดยไม่มีผู้โดยสารตกค้างที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช

วันเดียวกัน พ.ต.ต.ธนาธร พันธุ์ชู สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุไฟฟ้าชอร์ตพระมรณภาพในวัดธาราวดี หรือวัดพ่อท่านจบ ต.บางจาก จึงรุดไปตรวจสอบพบวัดถูกน้ำท่วมสูง 50 ซ.ม. ในกุฏิเจ้าอาวาสพบศพพระครูสุขันติธารารัก หรือพ่อท่านใหม่ ปริยวงศ์กร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลบางจาก มรณภาพอยู่บนพื้นกุฏิที่น้ำท่วมขัง แพทย์คาดถูกไฟฟ้าชอร์ต เนื่องจากในกุฏิที่เกิดเหตุพบปลั๊กไฟจมน้ำอยู่

อีกรายภายใน ต.ท่าเรือ มีชาวบ้านจมน้ำเสียชีวิต รุดไปตรวจสอบพบถนนหมู่บ้านถูกน้ำท่วมขังสูง 2 เมตร พบศพนายถวิล มาตุการักษ์ อายุ 70 ปี สอบพบก่อนเกิดเหตุผู้ตายเดินลุยน้ำท่วมมาดูบ้านหลานและจมน้ำเสียชีวิต

ตรังจมอีกรอบ-มิด 2 เมตร

ที่ จ.ตรัง สถานการณ์น้ำท่วมยังทวีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติไปแล้ว 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.นาโยง อ.รัษฎา อ.วังวิเศษ อ.ห้วยยอด และ อ.เมือง แต่ปรากฏว่าในพื้นได้รับผล กระทบอย่างหนักจากปริมาณน้ำที่ท่วมใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไหลทะลักผ่านคลองชีและคลองลำภูราลงสู่แม่น้ำตรังอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้น้ำท่วมใน อ.เมืองตรัง เป็นระลอกที่สอง บางจุดระดับน้ำสูงถึง 2 เมตร

ต่อมานายศิริพัฒ พัฒกุล ผวจ.ตรัง พร้อมนางกุลธารินท์ โรจนสุรสีห์ ปภ.ตรัง สำรวจบริเวณวัดประสิทธิชัย (วัดท่าจีน) เทศบาลนครตรัง ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำตรัง โดยน้ำจากแม่น้ำตรังไหลอย่างรวดเร็วและเข้าท่วมภายในวัด สูงประมาณ 30-60 ซ.ม. จึงต้องนิมนต์พระและสามเณรไปอยู่ที่ปลอดภัย

นายศิริพัฒกล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.ตรัง ระลอกสองหนักกว่าครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากรับน้ำที่ไหลมาจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยไหลผ่านแม่น้ำตรังและเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน ปศุสัตว์และบ่อปลา จึงระดมเจ้าหน้าที่ช่วยชาวบ้านอพยพหนีน้ำเป็นการด่วนแล้ว

นายพิศาล เต็งเฉี้ยง กำนัน ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง กล่าวว่า แม่น้ำตรังทะลักท่วมบ้านเรือนหมดหมู่บ้าน ต้องอพยพชาวบ้านไปอาศัยชั่วคราวบนพนังกั้นน้ำ ระดับน้ำท่วมสูงถึง 1-2 เมตร

กระบี่-สงขลายังวิกฤต

ที่ จ.กระบี่ จากภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้น้ำในคลองสินปุนและคลองลำทับ อ.ลำทับ ที่รับน้ำจากนครศรีธรรมราช เอ่อล้นเข้าท่วมหลายพื้นที่ใน อ.ลำทับ และ อ.คลองท่อม โดยบริเวณสะพานคลอง บางบอน ม.2 ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมสะพานกว่า 50 ซ.ม. รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 300 ครัวเรือน นอกจากนี้น้ำยังทะลักท่วมพื้นที่การเกษตรอีกหลายร้อยไร่ ชาวบ้านต่างย้ายของหนีกันอลหม่านพร้อมระบุไม่เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อนในรอบ 20 ปี

ที่ จ.สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี นายก อบจ.สงขลา เผยว่า อบจ.สงขลาส่งเรือท้องแบนและเรือเร็วช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่น้ำท่วมใน อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มาพักที่ศูนย์อพยพ ก่อนถอนกำลังมายัง อ.ระโนด เพื่อเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วม หลังน้ำในทะเลสาบหนุนสูงเข้าท่วมพื้นที่โดยรอบ ต.ตะเครียะ ต.บ้านใหม่ อ.ระโนด ต.โรง อ.กระแสสินธุ์ ต.คลองรี ต.คูขุด ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ ต.ปากรอ ต.ชะแล้ ต.บางเขียด ต.เขาแดง อ.สิงหนคร ส่วนน้ำที่ไหลจาก จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช นั้นบางส่วนจะลงทะเลสาบสงขลา เพื่อระบายออกทะเลอ่าวไทย ทำให้กระแสน้ำไหลเชี่ยว จึงกำลังให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวัง

ปูแนะรบ.ลงทุนแผนจัดการน้ำ

วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า เห็นข่าวน้ำท่วมภาคใต้ปีนี้หนักมากในรอบหลายสิบปี พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบหลายด้าน ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ โครงสร้างพื้นฐานหลายอย่างพัง เสียหาย เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจส่งผ่านความห่วงใยไปถึง พี่น้องประชาชนภาคใต้ทุกคนนะคะ ขอให้ทุกคนปลอดภัย และสถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ

ในช่วงที่ผ่านมา ภัยแล้ง น้ำท่วมมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทั้งเป็นผลมาจากภูมิศาสตร์ของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปและความแปรปรวนของสภาพอากาศ การบริหารจัดการน้ำเพื่อสร้างความสมดุลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ดิฉันจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะได้เร่งลงทุนแผนบริหารจัดการน้ำ ที่ได้จัดทำแผนไว้ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนบรรเทาความรุนแรงของภัยธรรมชาติ เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ได้มากที่สุดค่ะ

มท.อนุมัติเงินช่วยเหยื่อท่วม

ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เปิดเผยว่า พื้นที่ภาคใต้มีฝนหนักต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย เบื้องต้นสั่งการให้กองบัญชาการฯ ส่วนหน้า บริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดลงให้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง โดยกระทรวงมหาดไทยประสานให้กรมบัญชีกลาง อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร (เพิ่มเติม) จังหวัดละ 50 ล้านบาท อีกทั้งได้อนุมัติให้ยกเว้นหลักเกณฑ์เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวดเร็วมากขึ้น

ส่วนนายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ลูกจ้างและพนักงานที่ประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัยได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการนายจ้างให้ลูกจ้างหยุดงานโดยไม่ถือเป็นวันลา รวมทั้งดำเนินการสำรวจผลกระทบและความต้องการทำงานว่าจะมีผู้ที่ไม่สามารถทำงานในพื้นที่เดิมหรือต้องการประกอบอาชีพต่างๆ ว่ามีจำนวนเท่าใด เพื่อดำเนินการจัดเตรียมตำแหน่งงาน พร้อมอาชีพอิสระไว้ให้ในพื้นที่เดิม

ส่ง 50 เรือเร่งผลักดันน้ำลงทะเล

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ และรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เผยว่า กรมประชา สัมพันธ์เตรียมให้สื่อในสังกัด ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกจังหวัด ร่วมกันจัดรายการพิเศษสะพานเชื่อมไทย ส่งใจไปปักษ์ใต้ ซึ่งเป็นรายการสด เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลสถานการณ์น้ำและความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่างๆ โดยออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) เวลา 09.00-11.00 น. เริ่มวันที่ 8 ม.ค. ส่วนวันจันทร์-เสาร์ ทาง AM. 891 KHz และวันอาทิตย์ออกอากาศเพิ่มเติมทางคลื่น F.M. 92.5 MHz โดย ผู้รับชมรับฟังสามารถโทรศัพท์เข้ามาฝากข้อมูลได้ที่หมายเลข 0-2275-4225 จำนวน 5 คู่สาย รวมทั้งจะมีช่วงรายการสดเวลา 16.00-17.00 น.

ขณะที่พล.ร.ท.อดิเรก ชมภูนุช เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือนทหารเรือ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เป็นประธานปล่อยขบวนรถบรรทุกลำเลียงเรือผลักดันน้ำ 30 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่กำลังพลจากอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ เดินทางไปยังพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในคลองปากพนัง และคลองชะอวด อ.ชะอวด นอกจากนี้เรือหลวงอ่างทองยังเตรียมขนย้ายเรือผลักดันน้ำอีก 20 ลำ ไปยังจ.นครศรีธรรมราชด้วย เพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังลงทะเล

โรงเรียนใต้อ่วมท่วม 1,500 แห่ง

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสถานศึกษาที่อยู่ในสังกัดต่างๆ ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้แล้วเกือบ 1,400 แห่ง ทั้งจากกระแสน้ำกัดเซาะตัวอาคาร ท่วมสนามกีฬา ถนนทางเข้า รวมทั้งอุปกรณ์การเรียนเสียหาย ดังนั้นผอ.สถานศึกษาจึงพิจารณาสั่งปิดการเรียนการสอนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ผู้สื่อข่าวรายงาน จากข้อมูลของสำนัก งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา พบมี โรงเรียนสังกัดสพฐ.และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ในภาคใต้ประสบอุทกภัยแล้ว 1,467 โรง เปิดเรียนได้ 371 โรง และปิดการเรียน การสอนวันที่ 4-6 ม.ค. จำนวน 1,096 โรง

สำหรับนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า น้ำท่วมภาคใต้ครั้งนี้แตกต่างกับปี 2554 เพราะน้ำท่วมค่อนข้างรุนแรง โดยกระทรวงวัฒนธรรมรับรายงานโบราณสถานถูกน้ำท่วมหลายแห่ง ดังนั้นเมื่อระดับน้ำเริ่มลดลงมอบหมายให้กรมศิลปากรสำรวจความเสียหายและเร่งบูรณะซ่อมแซมเป็นการด่วน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหาย

ส่วนนายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ มหาเถรสมาคม (มส.) ห่วงใยประชาชนและพระภิกษุ-สามเณร จึงประสานงานสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดและเจ้าคณะจังหวัด ติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว โดยการประชุมมหาเถรฯ ในวันที่ 10 ม.ค.นี้ สำนักพุทธฯ จะรายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ รวมทั้งผลการช่วยเหลือประชาชนและวัดที่ประสบภัยให้มหาเถรฯ รับทราบ โดยสถานการณ์ล่าสุดรับรายงานจากกองพุทธศาสนสถานว่า วัดถูกน้ำท่วมและ พระภิกษุ-สามเณรได้รับผลกระทบออกบิณฑบาตไม่ได้ ประกอบด้วย จ.นครศรี ธรรมราช 41 วัด จ.พัทลุง 150 วัด จ.สงขลา 30 วัด จ.ปัตตานี 5 วัด จ.ตรัง 40 วัด จ.สุราษฎร์ธานี 49 วัด ส่วนวัดในจ.ยะลา จ.นราธิวาส พระภิกษุและวัดไม่ได้รับผล กระทบ

รถไฟใต้วิ่งได้ถึงทุ่งสง

ขณะที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมทางรถไฟสายใต้เริ่มคลี่คลาย ทำให้ รฟท.ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมสภาพเส้นทางที่เสียหายจนเปิดเดินรถเส้นทางสายใต้ได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีสถานีต้นทางและปลายทางสิ้นสุดที่สถานีชุมพร ขยายไปได้ถึงสถานีชุมทางทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช อีกทั้งยังเปิดให้บริการเดินรถเพิ่มจากเมื่อวันที่ 6 ม.ค. จำนวน 8 ขบวน เพิ่มเป็น 10 ขบวน

นายวุฒิชาติกล่าวอีกว่า เบื้องต้นเปิดเดินรถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 43 กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี (เดินรถได้ตามปกติ) รถเร็วที่ 171 (รถไฟฟรี) กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก (เดินรถได้จากสถานีกรุงเทพฯ ถึงสถานีชุมทางทุ่งสง) รถเร็วที่ 173 กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช (เดินรถได้จากสถานีกรุงเทพฯ ถึงสถานีชุมทางทุ่งสง) รถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 39 กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี (เดินรถได้ตามปกติ) ขบวนรถเที่ยวกลับ รถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 44 สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ (เดินรถได้ตามปกติ) รถเร็วที่ 172 สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ (เดินรถได้จากสถานีชุมทางทุ่งสงถึงสถานีกรุงเทพฯ) รถเร็วที่ 174 นครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ (เดินรถได้จากสถานีชุมทางทุ่งสงถึงสถานีกรุงเทพฯ) รถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 40 สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ (เดินรถได้ตามปกติ) รถเร็วที่ 170 ยะลา-กรุงเทพฯ (เดินรถได้จากสถานีบ้านนาสารถึงสถานีกรุงเทพฯ) และรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 38 สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ (เดินรถได้จากสถานีชุมทางทุ่งสงถึงสถานีกรุงเทพฯ)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน