เปิดใจลูกชาย ไพโรจน์ สังวริบุตร ช็อกพ่อขู่แจ้งจับ แม่ถูกคัดชื่อทิ้ง หลอกพาเมียใหม่เข้าบ้าน
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. นายรวิกร หรือพีค สังวริบุตร อายุ 22 ปี ลูกชายอดีตพระเอกดัง ไพโรจน์ สังวริบุตร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่พ่อ ทำเรื่องถอนชื่อแม่คือ น.ส.กชวัณณ์ ปิ่นจุฑานนท์ ซึ่งได้หย่ากันไปแล้วออกจากทะเบียนบ้าน โดยกล่าวว่า เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ตนกับแม่จะไปคัดทะเบียนบ้านที่จ.กาญจนบุรี ของบ้านเลขที่ 131 หมู่ 5 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจบุรี จึงเดินทางไปที่อำเภอ แต่ทางอำเภอบอกว่าชื่อของแม่ไม่ได้เป็นเจ้าบ้านแล้ว ตนจึงตามสืบสาวเรื่องราวว่าทำไมแม่จึงไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน
จนทราบว่าพ่อเป็นคนคัดชื่อแม่ออกจากการเป็นเจ้าของตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งบ้านที่ จ.กาญจนบุรี มีเนื้อที่ทั้งหมด 19 ไร่ แต่ก่อนที่แห่งนี้เคยเป็นรีสอร์ต มี 10 ห้อง ตนก็เกิดและโตในบ้านหลังนั้น แม่กับพ่อ ร่วมกันครอบครองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 โดยพ่อเป็นผู้ครอบครองที่ดิน แม่เป็นผู้ครอบครองตัวบ้าน และรีสอร์ต จนกระทั่งพ่อกับแม่หย่ากัน ตนกับแม่ก็ยังอยู่ที่บ้านหลังนั้นมาตลอด
“พ่อใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องในการนำชื่อแม่ออกจากการครอบครอง ด้วยการให้ผู้ใหญ่บ้านเซ็นว่าแม่ไม่ได้กลับไปที่บ้านหลังนั้น 7-8 เดือน จึงไม่มีสิทธิครอบครองบ้านหลังนั้น ซึ่งความจริงแล้วผมกับแม่ก็กลับไปที่บ้านหลังนั้นบ่อยๆ ในเวลาที่ไปเที่ยวกาญจนบุรี บางครั้งก็ค้างคืนบ้าง ไม่ค้างคืนบ้าง จากนั้นผมก็ได้พยายามสอบถามพ่อ แต่พ่อกลับบ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่ว่าง กระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วผมไปที่ จ.กาญจนบุรี ก็เลยโทรบอกพ่อว่าตอนนี้ผมกับแม่อยู่ที่หน้าบ้านที่กาญจนบุรี ขอเข้าไปคุยกันหน่อยได้ไหม แต่พ่อได้ตอบผ่านโทรศัพท์ว่า ตนก้าวร้าวกับพ่อ อย่าท้าทายพ่อนะ ถ้าก้าวเข้าไป จะแจ้งข้อหาบุกรุก ไม่ว่าจะเป็นลูกหรือใคร พ่อก็ไม่ให้เข้า ผมรู้สึกช็อกและตกใจเป็นอย่างมาก ได้แต่จอดรถอยู่หน้าบ้านแล้วก็กลับ” นายรวิกร กล่าว
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
นายรวิกรกล่าวต่อว่า ในขณะที่ตนจอดรถมองดูบ้าน คิดแต่ว่านั่นมันบ้านตน นั่นมันบ้านที่พ่อกับแม่ร่วมกันซื้อร่วมกันครอบครอง แต่วันนั้นกลับเข้าบ้านไม่ได้ ไม่รู้หรอกว่าถ้าตนเข้าไปจริงๆ พ่อจะแจ้งความไหม แต่ความรู้สึกตนในฐานะลูก ยอมให้พ่อแจ้งความเพราะนั่นมันบ้านตน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไปเพราะห่วงแม่ ตลอด 20 ปีที่ตนเกิดมา ตนรับรู้มาตลอดว่าพ่อทำอะไรกับแม่บ้าง แต่ไม่เคยต่อว่าอะไรพ่อเลย พ่อเคยทำขนาดที่พาเมียน้อยมาอยู่ด้วยที่บ้าน แล้วมาหลอกแม่ว่าเป็นญาติที่ต้องติดตามไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
นายรวิกรกล่าวด้วยว่า การที่พ่อทำแบบนี้ก็เพื่อครอบครองบ้านแต่เพียงผู้เดียว และนำบ้านทำเป็นสถานธรรมแห่งใหม่ของภรรยาใหม่ของพ่อ ซึ่งตนเคยเห็นในไอจี ภรรยาใหม่ของพ่อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้เลย บ้านเป็นของแม่ แต่พ่อไม่เคยถามความสมัครใจแม่เลย ตนอยากให้บ้านหลังนั้นกลับมาเป็นของแม่เหมือนเดิมเพียงเท่านั้น มันไม่ถูกต้องเลยที่จะนำบ้านไปให้คนอื่น ขณะนี้แม่ได้ให้ทนายยื่นเรื่องให้บ้านกลับมาเป็นของแม่แล้ว ที่ศาลปกครองจังหวัดกาญจนบุรี