คุมตัว 5 ตร. สน.บวรมงคลแก๊งค้ายาบ้า ส่งฝากขัง พร้อมคัดค้านประกันตัว ขณะที่ร.ต.ท. อีกรายยังเงียบ ติดต่อไม่ได้ เผยถูกดำเนินคดีหนัก ทั้งเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์, ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และคดียาเสพติด ด้าน น.1 สั่งลุยตรวจล็อกเกอร์สายสืบ สายตรวจ ทั้ง 88 สน.ทั่วกรุง อย่าให้มีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนไว้อีก ลั่นไม่เชื่อเพิ่งทำครั้งแรก เพราะเจอทั้งยาไอซ์และกัญชา

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีจับกุมร.ต.อ.สุพัฒน์ ประจงหัตถ์ หรือ”ผู้กองเบนซ์” รอง สว.สส. สน. บวรมงคล กับพวก หลังร่วมกันยักยอกยาเสพติดของกลาง เอามาจำหน่ายเสียเอง พร้อมยาบ้า 13,000 เม็ด ยาไอซ์ 100 กรัม และยาเคจำนวนหนึ่ง ที่ค้นเจอในล็อกเกอร์ในห้องฝ่ายสืบสวน โดยความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 09.45 น. ร.ต.อ.นิคม พรหมโคตร ร้อยเวร สน.บางขุนนนท์ นำตัวร.ต.อ. สุพัฒน์ ประจงหัตถ์ หรือผู้กองเบนซ์ ร.ต.อ.นิติธร พลบุญ ด.ต.ปริญญา จิตต์หาญ จ.ส.ต.ภูณัช เนตรสว่าง และส.ต.ต.เรืองยศ สามบุญเรือง รวมทั้งนายโยชัย หรือศักดิ์ แซ่โค้ว นายศุภกิจ หรืออาร์ท ปลาทอง ชื่นชมชิต 2 ผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือน ที่มีหน้าที่คอยส่งยาให้กับผู้กองเบนซ์ ไปฝากขังที่ศาลตลิ่งชัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้คันค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้าได้ประกันตัวจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือข่มขู่พยานทำให้เสียหายต่อคดี

โดยขณะออกจากห้องควบคุมทั้งหมด ใช้ผ้าขนหนูมาปิดคลุมใบหน้าตลอดเวลา สำหรับร.ต.ท.วีระพล คำดี รอง สว.สส. สน.บวรมงคล ที่หลบหนีอยู่ยังไม่สามารถติดตามตัวได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสานงานกับทางญาติให้เข้ามอบตัว อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุได้มีคำสั่งจาก ผู้บังคับบัญชาให้ผู้กำกับทั้ง 88 สถานีตำรวจในพื้นที่นครบาล จัดชุดตรวจค้นตามล็อกเกอร์ห้องฝ่ายสืบสวน-ชุดจู่โจม ว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายอยู่หรือไม่ และให้ทราบผลภายใน 10 วัน

ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ต้องหารับสารภาพว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก ซึ่งตนก็ไม่เชื่อเพราะไปเจอกัญชาและไอซ์ รวมทั้งยาเคด้วย เป็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่กับพวกที่เป็นตำรวจนอกแถว ถึงได้ย้ำว่าอย่าเอาพวกนอกแถวที่เป็นคนส่วนน้อยมาทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย พวกนี้ต้องกำจัดออกไป ถึงได้ย้ำอยู่เสมอว่าทำดี ทำได้ ทำทันที มันไม่พอ ต้องมีสมาธิด้วย เมื่อวานก็ได้สอนผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหาไปว่าเราเป็นนายตำรวจอย่าปล่อยให้ลูกน้องมาจูงจมูก ต้องนิ่ง ต้องมีสติ มีสมาธิ นอกจากนี้ยังได้ย้ำเรื่องสำนวนการสอบสวนต้องทำให้แน่นหนา ไม่ปกป้อง พร้อมคัดค้านการประกัน ผู้ต้องหา ที่คัดค้านการประกันตัวไม่ได้กลัวว่าจะมาวุ่นวายกับพยานหลักฐาน แต่เป็นเพราะตำรวจเองทำเรื่องไม่ดี นอกจากนี้ ตนยังได้สั่งการให้ตรวจสอบล็อกเกอร์ตามโรงพักทั่วนครบาล เพื่อไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเก็บสิ่งของผิดกฎหมายไว้ และไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า สำหรับพยานหลักฐานนอกจากคำซัดทอดของ ผู้ต้องหา 2 คน ที่เป็นพลเรือนแล้ว ก็ยังมีพยานหลักฐานอื่นๆ อีก ตนก็ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนไปร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีแรกในข้อหาตามมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และคดีที่ 2 ก็ให้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ในความผิดมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

“ความจริงเขาก็ทำดีนะ ไปล่อซื้อ ได้ยามาแล้วแทนที่จะจับส่ง มีสินบนนำจับให้อยู่แล้ว เม็ดละ 5 บาท แต่คงไปถูกอะไรล่อตาล่อใจ ทำให้คนมันเสื่อม ซึ่งต้องกราบขออภัยจริงๆ ที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวล ตำรวจนครบาลส่วนใหญ่ยังยืนยันที่จะทำงานปกป้องคุ้มครองรักษาความปลอดภัย ความมั่นคงของชีวิตทรัพย์สินประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป มีบางคนพูดกันเล่นๆ ว่าลูกน้องค้ายาบ้า ต่อไปต้องขออนุญาต ผู้กำกับหรือไม่ ก็ได้บอกไปว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้า ถ้าท่านปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ ไม่ลงไปขับเคลื่อน ต้องรับผิดชอบ” พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน