จำคุก “จุมพล” 3 ปี คดีบุก รุกป่าทับลาน เผยผิด 2 กระทง คือรุกป่าจำคุก 2 ปี ผิดม.157 อีก 4 ปี แต่สารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง พร้อมให้รื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่และชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐ 8.9 แสนบาท พร้อมคุมตัวส่งเรือนจำพุทธมณฑล ขณะที่ราชกิจจาฯประกาศโปรดเกล้าฯถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องจากประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไม่เหมาะสมในการเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดติดพระองค์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 มี.ค. ที่ศาลจังหวัดนครราชสีมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พร้อมกำลังและแพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ ควบคุมตัว นายจุมพล มั่นหมาย อดีตรองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายความมั่นคงและกิจกรรมพิเศษ ผู้ต้องขังหมายเลขคดีดำที่ ฝ.345/60 ข้อหา พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ 2484 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ มาฝากขัง ซึ่งพล.ต.อ.จุมพลสวมชุดนักโทษชาย ใส่กุญแจมือและโซ่ตรวน นั่งในรถยนต์หกล้อขนผู้ต้องหา มาจอดด้านหลังทางเข้าศาล เพื่อเตรียมควบคุมตัวไปห้องพิจารณาคดีที่ 3 โดยมีอดีตเพื่อนนักเรียนรวมทั้งญาติที่ติดตามมาพร้อมนำยารักษาโรคประจำตัวมาด้วย
ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จกระบวนการพิจารณาคดีพล.ต.อ.จุมพล ว่า ศาลตัดสินให้จำคุกนายจุมพล ความผิดฐานบุกรุกป่า 2 ปี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โทษจำคุก 4 ปี รวมจำคุก 6 ปี แต่นายจุมพล รับสารภาพ จึงลดโทษเหลือ 3 ปี และมีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่พิพาทออกไป และให้ชดใช้ความเสียหายแก่รัฐเป็นเงิน 892,302 บาท
โดยอัยการมีคำสั่งฟ้องในคดีนี้ 2 ราย คือนายจุมพล และพล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร อดีตรองผบช.ภาค 5 ส่วนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่เหลืออีก 5 ราย ยังอยู่ในระหว่างศาลพิจารณา อย่างไรก็ตามสถานที่จองจำนายจุมพลเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ มีอำนาจหน้าที่โดยตรง จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายจุมพลไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราว พุทธมณฑล กรุงเทพฯ โดยมีลูกสาวและญาติ เดินทางตามไปด้วย
วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดพล.ต.อ.จุมพล ออกจากยศตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 2560 ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ

เนื่องจากกระทำความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดติดพระองค์ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการไปในทางไม่ถูกต้อง แสวงหาประโยชน์ให้ตัวเอง ฝักใฝ่ในเรื่องการเมืองเป็นอันตรายต่อความมั่นคง ตามมาตรา 28 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ประกอบ ข้อ 1 (4) ของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ. 2547
และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรพรรดิมาลา ที่บุคคลดังกล่าวได้รับพระราชทาน ตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 ประกาศ ณ วันที่ 7 มี.ค. 2560 ผู้รับสนองพระราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน