มึนอ ลูก 5 คน ร่ำไห้-ซึ้งกำลังใจ งานรำลึกบิลลี่ ซัดคนถือกฎหมายอุ้มหายสามี

วันที่ 16 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยรังสิต คณะวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่าย จัดพิธีรำลึกถึงบิลลี่ และเสวนาวิชาการเรื่อง การฆาตกรรมอำพรางศพบิลลี่ บุคคลใดต้องรับผิดชอบ โดยมี น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ และลูกๆทั้ง 5 คน รวมทั้งชาวบ้านบางกลอย เดินทางมาร่วมงาน

ขณะที่ชาวกะเหรี่ยงจากภาคเหนือได้เดินทางมาร่วมงานด้วย ก่อนเวทีเสวนา มีการจัดพิธีรำลึกถึงบิลลี่ โดย “กอดกะเหรี่ยง” ซึ่งให้ผู้เข้าร่วมโอบกอด มึนอและลูกๆ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างซาบซึ้ง ทำให้มึนอถึงกับน้ำตาไหลออกมา

จากนั้น ในช่วงเสวนา น.ส.พิณนภา กล่าวว่า หลังจากบิลลี่หายตัวไปนาน 5 ปี ตนเองและครอบครัวลำบากมาก ต้องทำงานเพื่อเลี้ยงลูก 5 คน และยังต้องเดินสายเคลื่อนไหวร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อติดตามความคืบหน้าการหายตัวของบิลลี่ ซึ่งหายตัวไปหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยาน จับตัวเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ปี 2557 ในวันที่ 18 เม.ย. ปี 2557 ตนเดินทางเข้าแจ้งความที่สภ.แก่งกระจาน แต่โรงพักยังไม่รับแจ้งความโดยให้ผู้เสียหายไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเสียก่อน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ต่อมาตนเข้ายื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมที่ศาลากลางจังหวัด ขอให้ย้ายเจ้าหน้าที่อุทยานออกนอกจากพื้นที่ระหว่างการสอบสวนคดีนี้แต่ไม่สำเร็จ ตนไปยื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรีแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จนรู้สึกว่าความยุติธรรมมีไม่จริงอยู่จริง วันนี้เมื่อได้รู้ว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว จึงต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ช่วยติดตามอย่างเต็มที่

ขอฝากความรู้สึกถึงคนที่มีกฎหมายอยู่ในมือ ให้ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่ควรรังแกคนที่ไม่มีกฎหมายในมือ คุณจับตัวบิลลี่ไปแล้วไม่ส่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี ทำให้บิลลี่หายตัวไป ภาษาชาวบ้านคือใช้ “กฎหมา” อยากบอกว่าทุกคนมีชีวิตและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าไหนๆ ก็อยู่ในประเทศไทยเหมือนกัน เราควรอยู่ร่วมกันด้วยความรักและความเข้าใจ ไม่อยากให้คนที่มีกฎหมายที่มีในมือ มีอำนาจสูงส่ง คิดว่าตัวเองใหญ่ แต่อยากให้ทุกคนเสมอภาค เท่าเทียมกัน

พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า คดีการหายตัวของบิลลี่ ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตั้งประเด็นการสืบสวนว่า จะมีพ่อคนไหนบ้างที่มีลูก 5 คนรออยู่แล้วไม่กลับบ้าน คนหาย 1 คนโดยไม่มีใครพบเห็น คดีของบิลลี่ หลังเวลาผ่านไป 4 ปี ดีเอสไอรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ลงมติรับเป็นคดีพิเศษ

หลังการทำงานอย่างทุ่มเทดีเอสไอค้นพบชิ้นส่วนกระดูกหัวกะโหลก ซึ่งผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอตรงกับนางไพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของนายบิลลี่ โดยรูปคดีจึงเปลี่ยนจากปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบมาเป็นฆ่าคนตาย เราไม่ได้มาพูดเพื่อบอกว่าเราเป็นคนดี แต่บอกว่าเราทุ่มเทศักยภาพเต็มรูปแบบ ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่ขอเวลารวบรวมหลักฐานให้ดีที่สุด ทำงานให้ละเอียดรอบคอบ ก่อนออกหมายเรียกหรือหมายจับต่อไป

ด้าน นายชนม์สวัสดิ์ ประศาสน์ครุการ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า ป.ป.ท. ตรวจสอบการกระทำความผิดกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ไม่นำตัวบิลลี่ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาลักลอบเก็บของป่า ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ม.157 และม.200 ไม่เกี่ยวข้องกับการสูญหายหรือเสียชีวิตของบิลลี่

ภายหลังดีเอสไอมีมติรับคดีไว้สอบสวน บอร์ดป.ป.ท. เห็นว่าคดีของบิลลี่ไม่ได้กระทำผิดเฉพาะการกระทำทุจริตต่อหน้าที่ แต่ยังมีความผิดเกี่ยวกับการสูญหายและเสียชีวิตรวมอยู่ด้วย จึงมีมติส่งสำนวนคดีให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ดีเอสไอสอบสวนในทุกข้อหาความผิด

ส่วนคดีทุจริตโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติของอุทยานแก่งกระจาน ป.ป.ท. เตรียมเสนอให้บอร์ดลงมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ขณะที่คดีเผาทำลายบ้านของชุมชนกะเหรี่ยงผู้บริหาร ป.ป.ท. ยืนยันว่าจะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน