โลกยินดี! ยูเอ็น ชื่นชม ดีเอสไอ จับ 4 ผู้ต้องหา คดีฆาตกรรม บิลลี่ พอละจี
วันที่ 13 พ.ย. สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNOCHCHR) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยินดีกับการออกหมายจับบุคคล 4 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักปกป้องสิทธิชุมชนชาวกะเหรี่ยง
โดยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้รับการอนุมัติหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและการประพฤติมิชอบกลาง ดีเอสไอกล่าวว่าบุคคลทั้ง 4 คนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา รวมทั้งนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ด้วย ได้รับการกล่าวหาว่าฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันขืนใจ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง และปล้นทรัพย์
“การดำเนินการโดยดีเอสไอในการนำผู้ต้องหาที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมบิลลี่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นก้าวที่สำคัญในการยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดที่ได้เกิดขึ้นกับคดีนี้ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา” ซินเทีย เวลิโก้ ผู้แทนประจำภูมิภาคของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ ประจำกรุงเทพฯ กล่าว
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
ครั้งสุดท้ายที่มีพยานเห็นว่าบิลลี่ยังมีชีวิตคือ วันที่ 17 เม.ย.2557 โดยเขาถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ 4 คนซึ่งอ้างว่าบิลลี่ได้ถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา ก่อนหน้านี้ บิลลี่มีบทบาทในการร้องเรียนเจ้าหน้าที่เหล่านี้ในการทำลายทรัพย์สินและใช้กำลังในการไร้รื้อที่อยู่อาศัยของสมาชิกชุมชนกระเหรี่ยงจากบริเวณที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้อยู่มาก่อน
ในวันที่ 3 ก.ย.62 ดีเอสไอ แถลงว่าเศษกะโหลกศีรษะของมนุษย์ที่พบใกล้กับเขื่อนในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตรงกับดีเอ็นเอของบิลลี่
“ดีเอสไอมีบทบาทในการดำเนินการที่สำคัญที่เคารพสิทธิการเข้าถึงข้อมูลกับครอบครัวบิลลี่ และดำเนินมาตรการคุ้มครองพยานแก่คุณพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่” ซินเทีย กล่าว
“สำนักงานฯ เราแสดงความกังวลอย่างสูงต่อประเทศไทยต่อการฆาตกรรมและทำให้นักปกป้องสิทธิฯ เป็นเหยื่อของการบังคับสูญหาย ปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา” ซินเทีย เวลิโกกล่าว
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ เรียกร้องให้ดีเอสไอ ดำเนินการในลักษณะเดียวกันและหาทางออกต่อคดีที่คล้ายกันซึ่งรวมถึงการฆาตกรรมนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและบังคับสูญหาย หลังดีเอสไอ ยุติการสืบสวนสอบสวนการบังคับสูญหายของนายสมชาย นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียง และ กมล เหล่าโสภาพันธุ์ นักกิจกรรมต่อต้านการคอรัปชั่น
ดีเอสไอ ยังไม่ได้รับคดีที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายเด่น คำแหล่ นักกิจกรรมด้านสิทธิที่ดิน และ การฆาตกรรมนักกิจกรรม สามคนที่เป็นสมาชิกสหพันธ์เกษตกรภาคใต้เป็นคดีพิเศษ
“ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากที่ประเทศไทยจะอุทิศทรัพยากรทางบุคคล และทางการเงินในการตรวจสอบคดีที่เหลือและดำเนินมาตรการที่เหมาะสมอย่างมีคุณค่า และรวดเร็วในการจัดตั้งกลไกภายในประเทศที่คุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่จะยุติอาชญากรรมเหล่านี้”
