หนุ่มเคลียร์ตัวเอง เคยจี้ทองจริง แต่ไม่ได้ปล้นลพบุรี วิเคราะห์พฤติกรรม เส้นทางหนี

รายการโหนกระแสวันที่ 13 ม.ค. “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ยังเกาะติดสถานการณ์โจรเหี้ยมชิงทองที่ห้างดัง จ. ลพบุรี กราดยิงคนเสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บอีก 4 คน วันนี้พูดคุยกับ “เอก เอกฐวีป คงคาวารี” คนที่เคยก่อเหตุแบบนี้มาก่อน และถูกแชร์ภาพว่าเขาเป็นโจรเหี้ยมผู้ก่อเหตุ รวมถึง “รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ พูตระกูล” เป็นผู้ช่วยอธิบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิต

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เอกคือคนที่อยู่นภาพในเฟซบุ๊กที่เขาแชร์กันออกมา ?
เอก : “ใช่ครับ คิดว่าหลุดอกมาเพราะเจ้าหน้าที่ดึงข้อมูลออกมา คือผมคิดว่าผมอาจเป็นคนนึงที่เขาสงสัยว่าอาจไปก่อเหตุนี้ แล้วเอามาเช็กตรวจสอบ ก็อาจหลุดมาในกลุ่มไลน์ก็แล้วแต่ แล้วกระจายไป”

ยืนยันไม่ได้ก่อเหตุ?
เอก : “ยืนยันครับ ไม่ได้ก่อเหตุครับ เรารู้เพราะมีคนมาบอกตอนประมาณสี่โมงเย็น ผมเลิกเรียนก็มีเพื่อนส่งมาให้ดูว่ามีคนเอารูปไปแชร์ ก็ตกใจนิดหน่อย แต่ไมรู้จะทำยังไง ก็โอเค ต้องไปหาตร.ก่อนแสดงตัวไว้ก่อน ก็ไปสน.สามเสน เขาอนุญาตลงบันทึกประจำวันไว้”

แต่เรื่องไม่หยุด เพราะบ้านคุณที่กำแพงเพชรตร.บุกไป?
เอก : “มีตร.ชุดนึงกับผู้ใหญ่บ้านเข้าไปที่บ้าน พี่ชายโทรมาบอกว่าตร.เข้าไป ถามว่าเรื่องอะไรกัน พี่ ตร.เขาก็แจ้งให้พี่ชายทราบว่าผมอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับชิงทองที่ลพบุรี จังหวะนั้นผมเลยได้คุยกับ ตร.ชุดที่ไปค้น แสดงตัวว่าไม่ใช่ผม ยืนยันได้ว่าเวลานั้นไม่ได้ไป”

คุณมีหลักฐานและส่งมาทางเรา 9 ม.ค. 63 โจรไปก่อเหตุ 20.45 น. มีคลิปคุณซ้ายมือข้างบนบอกเวลาว่า เวลา 20.28 น. คุณลงมาจากรถมา อยู่ที่ไหน?
เอก : “อยู่ที่ทำงานครับ จ.ชลบุรี ผมพักในที่ทำงานด้วย ตอนลงมาจากรถก็คุยโทรศัพท์ และเดินเข้าห้องครับ”

หลังจากนั้นไม่เกิน 10 นาที คนร้ายไปก่อเหตุลพบุรี แต่คุณอยู่ชลบุรี?
เอก : “ยืนยันครับ ชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุชิงทอง”

จะดำเนินคดีกับคนที่เอาภาพคุณไปลงมั้ย?
เอก : “คิดว่าจะดำเนินการแจ้งความ ดำเนินคดีกับคนเอาภาพผมลงไปแชร์ เพราะสร้างความเสียหายให้ผมพอสมควร หลังจากนี้ก็คิดว่าจะมีปัญหาเรื่องหน้าที่การงาน เรื่องเรียน และมีผลต่อคนรอบข้างด้วย เขาก็ไม่ได้รู้ว่าผมไปทำอะไรมา”

ประเด็นถัดมา พีคในใจเหมือนกัน ตัวคุณเองครั้งหนึ่งในปี 2556 เคยไปก่อเหตุจี้ชิงทองจริงๆ?
เอก : “ก็ยอมรับว่าเคยกระทำครับ ที่บิ๊กซีลาดพร้าว ร้านออโรร่าเหมือนกัน”

คุณได้ทองไปเท่าไหร่?
เอก : “น่าจะราวๆ 60-70 บาทประมาณนี้ครับ มูลค่าก็ล้านกว่าบาท หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนก็เกม โดนจับที่ จ.แม่ฮ่องสอน หนีไปแม่ฮ่องสอนครับ”

จากลาดพร้าว คุณหนีไปเหนือเลย แล้วไปไหนอีก?
เอก : “พอจากลาดพร้าวก็ไปพัทยา แพร่ แล้วแม่ฮ่องสอนครับ ประมาณ 3-4 วันที่ปล้น หลังจากนั้นก็เกม ติดคุกราวๆ 7 ปีครับ”

คุณติดปี 56 วันนี้ 63 คุณออกจากคุกไม่นาน?
เอก : “ประมาณ 10 เดือนครับ”

แล้วมาเกิดเหตุ ยอมรับว่าครั้งนึงเคยทำผิดจริงๆ?
เอก : “ครับ ออกมาก็ไม่คิดจะกลับไปอีก ใช้ชีวิตปกติ มีเวลาว่างก็ไปเรียนหนังสือ กลับใหม่เอาใหม่ ตั้งใจทำงานและดูแลพ่อแม่ไป”

มีที่ทำงานที่เปิดโอกาสคนเคยมีคดี?
เอก : “ใช่ครับ ก็ขอบคุณและโชคดีมาก”

ไม่กลับไปอีก?
เอก : “เราจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ตัวผมเองก็ตั้งใจแล้วด้วยตั้งแต่อยู่ข้างใน ว่าออกมาครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย จะไม่หวนกลับไปอีก พบายามประคองทุกอย่างให้มันดี”

ตัวคุณเองกลับตัวกลับใจ เรียนหนังสือ มีงานทำที่ดี มีนายที่ดีที่ให้โอกาส ประเด็นสำคัญที่อยากคุย เราอาจได้ฟังคำวิเคราะห์มาหลายๆ มุมแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินคนที่เคยก่อเหตุ แล้วมาวิเคราะห์คนก่อเหตุปัจจุบัน คุณวิเคราะห์ยังไง?
เอก : “หลังเขาก่อเหตุ 2-3 วัน ผมก็ได้โพสต์ในเฟซของกองปราบ ผมก็เอาเคสผมเป็นบรรทัดฐาน ผมจะบอกว่าผมดูลาดเลาก่อน ใช้เวลาดูกับศึกษาเส้นทางหนี 2-3 อาทิตย์ ก่อนก่อเหตุ”

ไปดูหน้าร้านทอง?
“เราก็เป็นลูกค้าธรรมดา เราก็เดินปนๆ กับลูกค้าดูๆ ความเคลื่อนไหว เขาทำอะไร ออกไปเมื่อไหร่ จนเรารู้แน่ชัดเรื่องเวลา จนเริ่มก่อเหตุ”

ตอนก่อเหตุ ตัดสินใจอะไร ทำไมต้องไปจี้ชิงทอง?
เอก : “ตอนนั้นมีเรื่งอจำเป็นต้องใช้เงิน และหาทางออกไม่ได้ ตอนนั้นมีเงินในบัญชี 7-8 หมื่นได้ แต่บังเอิญว่าเรามีเรื่องที่ต้องใช้เงินมากกว่านั้นและหาเงินไม่ได้ ก็คิดสั้นด้วยและอารมณ์ชั่ววูบด้วย”

ตอนเข้าไปถือปืน?
เอก : “พกไปในกระเป๋าโน้ตบุ๊ก เข้าไปเขาก็ตกใจ ดึงปืนออกมาและบอกให้พนักงานเข้าไปหลังร้านทั้งหมด เขาจะได้ไม่ต้องต่อสู้ เราจะได้ไม่ทำร้ายเขา”

ตอนคุณไปจี้ที่ลาดพร้าว คุณพรางตัวมั้ย?
เอก : “พรางจากข้างนอก แต่ประตูเขาไม่เปิด ไปร้านก็เปิดหน้าเลยครับ ครั้งแรกใส่แมสเข้าไปรอบนึง แต่ประตูหน้าห้างไม่เปิดให้ ผมก็เดินไปนิดนึงแล้้วกลับมาถอดแมสออก ผมคิดว่ากล้องวงจรปิด ผมก็ตัดสายจากข้างบน ลักษณะร้านคืออยู่ใต้ดิน ผมก็ตัดสายกล้องวงจรปิด”

ศึกษามาอย่างดี?
เอก : “ครับ ก็เกือบๆ เดือน”

คุณถือปืนไปพูดเลยว่าให้ไปหลังร้าน?
เอก : “ครับ ก็บอกทุกคนให้เข้าไปหลังร้าน เขาก็ตกใจ ลุกลี้ลุกลน ผมก็เดินไปหยิบทองแล้วก็เดินออก”

คุณพูดให้เขาหยุด?
เอก : “ผมบอกว่าให้ทุกคนอยู่เฉยๆ กลับไปหลังร้าน เขาเห็นปืนเขาก็รู้แล้ว ก็ตกใจและทยอยเดินไปหลังร้าน”

คิดจะยิงใครมั้ย?
เอก : “ไมได้คิดจะยิงใคร แต่มีผู้ชายเดินตามผมไป ผมก็บอกว่าถ้าตามมาเดี๋ยวยิงนะ”

ถ้าเขาตามจะยิงมั้ย?
เอก : “ก็เป็นไปได้ ถ้าเขามาจู่โจมจับเรา เหตุการณ์มันบังคับก็อาจจะทำ เป็นไปได้ หรืออาจไม่ทำก็เป็นไปได้”

มีผู้รวมขบวนการมั้ย?
เอก : “มีสองคน มีมอเตอร์ไซค์จอดรออยู่ข้างนอก และมีรถยนต์อีกคันนึง ซึ่งห่างไป 10 นาที มอเตอร์ไซค์พาไปส่งรถยนต์ รถยนต์พาหนี”

อ.โต้ง ถ้าจะวิเคราะห์ในมุมเขาที่เคยคิดเป็นคนร้าย ทำแบบนี้มาก่อน โจรคนปัจจุบันที่เขาไปชิงทองที่ลพบุรี ผิดแผกจากคนนี้ที่ก่อเหตุ?
รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ : “มีทั้งความเหมือนและความต่าง ความเหมือนคือคนร้ายชิงทองออโรร่าเหมือนกัน และเชื่อว่าเขาศึกษาสถานที่ เส้นทาง ศึกษาช่วงเวลาก่อเหตุ แม้กระทั่งพนักงานขายของผู้หญิงหรือผู้ชายเขาก็ศึกษาหมด ความต่างคือกรณีคนร้ายปิดอำพรางใบหน้าตั้งแต่ช่วงแรกแสดงว่าเขามั่นใจว่าปฏิบัติการครั้งนี้ต้องจบและได้ทองกลับไป สังเกตได้ช่วงแรกที่เข้าไปถึงหน้าเคาน์เตอร์มีคนมาซื้อทอง ก็คงต้องคำถามว่าทำไมถึงต้องยิง เพราะใครที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นอุปสรรคและการขัดขวางต่อการปฏิบัติการของเขา”

เอกบอกเขาเข้าไปก่อเหตุ บอกให้ถอยไปหลังร้าน แต่คนนี้ไม่พูดเลย?
รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ : “ส่วนแรกอยู่ที่บุคลิกภาพ อบรมเลี้ยงดู ความรุนแรงทั้งภายในและภายนอกว่าเขาผ่านอะไรมา สองลักษณะการฝึกฝน ทักษะที่ถูกฝึกมา ปฏิบัติการต้องจบภารกิจ ก็เป็นไปไม่ได้ ไม่หนึ่งก็สอง แม้เขาไม่สนใจว่าจะทำให้ใครเสียชีวิตบ้าง แต่เขาได้ทองกลับไป”

น่าจะมีผู้ร่วมก่อเหตุมั้ย?
รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ : “ตอนนี้พบว่ามีแต่เขาเท่านั้น เป็นความต่างของคุณเอก เชื่อว่าตร.กำลังอยู่ระหว่างสืบสวนเส้นทางและผู้ร่วมขบวนการ”

กรณีอาจารย์ที่เป็นนักอาชญาวิทยา มองยังไงเรื่องการยิง ลักษณะเหมือนคนแข่งขันยิงปืนเหมือนกัน?
รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ : “จริงๆ แล้วโดยหลักการยิงปืนเขามีการเรียนการสอน ทั้งส่วนตร. ทหาร หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชนก็มีการสอนยิงปืนเยอะเลยนะ แม้กระทั่งเดินนั่งวิ่งยิง เดินยิง ก็มีการสอนทั้งหมด ประเด็นนี้ก็เป็นคำถามว่าคนก่อเหตุเป็นคนในเครื่องแบบมั้ย”

เป็นคนมีความแม่นยำมั้ย?
รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ : “เท่าที่ดูจากคลิป เชื่อว่าคนร้ายผ่านการฝึกฝนใช้อาวุธปืน และเชื่อว่าก่อนก่อเหตุเขาก็คงไปซ้อมยิงปืนมา เชื่อว่าชุดสืบสวนกำล้งเก็บข้อมูล เก็บหัวกระสุนมาเปรียเบทียบ”

บางท่านบอกก่อเหตุเหมือนในเกม?
รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ : “ต้องเรียนว่าคนเราอาจเกิดการเรียนรู้ได้จากการเล่นเกมหลายครั้งบ่อยๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเล่นเกมจนติดจะก่อเหตุแบบนี้ทุกคน เช่นเด็ก 15-16 สามคนติดเกมแล้วก่อเหตุใช้มีดปาดคอคนขับแท็กซี่เสียชีวิต ตร.ตามจับได้บอกว่าเลียนแบบในเกม แต่อันนี้มีความต่างตรงที่คนร้ายเข้ามาไม่ได้พูดอะไรเลย ยิงก่อนเลย”

วิธีการลักษณะความคิดที่เราไปก่อเหตุ กับคนนี้ก่อเหตุ เหมือนกันมั้ย?
เอก : “มีความเหมือน ที่ต่างก็มี เหมือนผมเข้าไป ผมไม่ได้มีเป้าว่าจะไปยิงคน มีเป้าแค่จะชิงทอง แค่นั้นเองครับ แล้วไม่ได้วางแผนว่าใครเข้ามาต้องยิง ไม่ได้คิดเรื่องนี้ นอกจากเหตุฉุกเฉิน แล้วเขาเข้ามาก็ยิงเลย แต่อย่างน้อยเราก็รู้ได้ว่าต้องเป็นคนที่เคยยิงคนมาด้วย เพราะคนไม่เคยยิงใครมาไม่มีทางจะยิงใครได้ ยากมาก”

รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ : “แนวโน้มผู้ก่อเหตุน่าจะเคยทำผิดอะไรมาก่อน การเข้ามาถือปืนพรางใบหน้า เขาสามารถยิงได้ทุกคนที่ไปขวางเขา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นท่านแรก เพราะเขาคิดว่าน่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับเขา”

เอกต้องลงพื้นที่ไปดูสังเกตการณ์ก่อนกี่วัน?
เอก : “ราวๆ 2-3 สัปดาห์ครับ ผมมั่นใจว่าเขาลงพื้นที่ดูก่อนแน่นอน เพราะเขารู้ว่าร้านทองปิดกี่โมง เส้นทางหนีถ้าไม่ใช่คนเคยอย่ในพื้นที่หรือศึกษาเส้นทางมาก มันเป็นไปได้ยาก เพราะชั่วโมงที่หนี แผนที่เราวางไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์จะไม่ร้อยแล้ว ด้วยความรีบอะไรต่างๆ ต้องแม่นพอสมควร”

คิดว่าเขาจะหนีไปไหน?
เอก : “ถ้าเรารู้พื้นที่จริง ต้องรู้ว่าพื้นที่ไหนไม่มีกล้อง ถ้าเขาทำคนเดียว ก็พยายามออกนอกพื้นที่เมือง ออกนอกจังหวัดแน่นอน”

แต่ ตร.บอกว่าอยู่ไม่ไกลเกิน 5 กิโล?
เอก : “ถ้าตัวผมเอง ผมไปแน่นอน กับมีเพื่อนที่ไปเจอกันในเรือนจำ ทุกคนออกนอกพื้นที่หมด ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแน่นอน”

ถ้าย่ามใจล่ะ ไม่ออกนอกพื้นที่ ที่อันตรายที่สุดน่าจะปลอดภัยที่สุด?
รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ : “เท่าที่ดู คนร้ายน่าจะหลบไปที่ปลอดภัยมากกว่า หลังก่อเหตุแล้วส่วนใหญ่เขาจะหลบไปจากจุดเกิดเหตุ”

คนร้ายต้องไปดู การแฝงตัวเข้าไป เราแฝงยังไง?
เอก : “ผมเอาเคสผมเอง ตรงนั้นใกล้ร้านหนังสือ ผมก็เข้าไปอ่านหนังสือ ยืนมองแล้วสังเกต ถ้าเห็นพื้นที่ เราก็รู้นี่ครับว่าตรงไหนที่คนจะไปแฝงตัว เขาอาจไปนั่งร้านอาหารก็เป็นไปได้ ผมไปนั่งร้านกาแฟด้วยครั้งนึง แล้วก็ดูประมาณ 7 นาที ไปอ่านหนังสือพิมพ์”

คุณดูอะไร?
เอก : “ผมอยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่ ตร.เขามาเซ็นในเวลากี่โมง ดูจนมั่นใจว่าเวลานี้ ตอนเย็นไม่มาแน่ ถ้าไม่เลือกตอนเปิดร้านก็ต้องเลือกตอนปิดร้าน”

รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ : “เขาเลือกสถานที่ ศึกษามาจนรู้แล้ว สองเป้าหมาย สามเวลา ผมเชื่อว่าเขาก็ต้องมาห้างเวลานั้น คนประมาณไหน ผมเห็นด้วยว่าเขาต้องมาดูว่าช่วงเวลาที่เขาลงมือ ตร.อยู่มั้ย ตร.มาลงเซ็นชื่อร้านทองเวลาไหนบ้าง กลับตอนไหน เราก็เจอบางรายที่ประจวบฯ คนร้ายก็ยอมรับว่าเขาศึกษา ซึ่งต้องเรียนว่าเคสนี้ค่อนข้างยาก”

คิดว่าคนร้านเจตนาชิงทองหรือก่อเหตุ?
เอก : “ผมว่าชิงทองแน่นอน”

แต่เขาได้ทองไปน้อย?
เอก : “คิดว่าเขาอาจจะไม่ได้ดูให้ถี่ถ้วนว่าเวลาที่ร้านใกล้ปิดเขาจะเก็บทองไปในเวลานี้ เหตุผลที่เขาได้ไปน้อยเพราะเขาเก็บไปแล้วบางส่วน ที่เขาไม่เก็บเพราะมีลูกค้าเลือกทองอยู่ เป็นความผิดพลาดของเขาที่ไม่ได้ดูให้ถี่ถ้วน ถ้าเขามาก่อนหน้านี้ครึ่ง ชม. เขาอาจได้เยอะกว่านี้ เจตนาชิงทองแน่นอน”

อยากบอกอะไร?
เอก : “ปัญหาของคนที่ออกมาจากเรือนจำ ไม่มีหน่วยงานไหนรับ ก็จะวนกลับมาเป็นวงจร ทำผิดอีก มีโอกาสเยอะมาก ผมโชคดีมีเจ้านายที่เขาใจกว้างและเปิดรับ แต่เขาก็ดูความสามารถให้เราทำงานได้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน