นาทีต่อนาที! เผยปืนกลเอ็ม 60 จ่าคลั่ง ปล้นจากค่าย สุดรุนแรง-ยิงทะลุเกราะ

จ่าคลั่ง / จากกรณี จ่าคลั่ง ก่อเหตุสะเทือนใจจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และบาดเจ็บหลายราย ที่ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โดยถูกเจ้าหน้าที่ได้วิสามัญฆาตกรรม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

สำหรับเหตุการณ์อุกอาจสะเทือนขวัญคนทัั้งประเทศครั้งนี้ เริ่มจากจ.ส.อ ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส อายุ 48 ปี ผบ.กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ มีศักดิ์เป็นแม่ยายจนเสียชีวิตคาที่ รวมทั้งนายพิทยา แก้วพรม ลูกน้องนางอนงค์ ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บ้านพัก ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา

สาเหตุมาจากจ.ส.อ. ได้ซื้อบ้านพักอาศัย ซึ่งมีนางอนงค์เป็นเจ้าของโครงการ และนายพิทยาเป็นนายหน้า แต่ไม่ยอมให้เงินทอนตามที่ตกลงกันไว้ จึงนัดพูดคุยตกลงปัญหา โดยมีพ.อ.อนันต์ฐโรจน์ ผู้บังคับบัญชา ทำหน้าที่เป็นคนกลาง นางอนงค์อ้างให้เงินทอนกับนายพิทยาไปแล้ว จากนั้นทั้งสองคนได้บ่ายเบี่ยงไปมา ทำให้ จ.ส.อ.ใช้อาวุธปืนยิงทั้ง 3 คน

จากนั้นจ.ส.อ.ขับรถเก๋งมุ่งหน้าไปกองพันสรรพาวุธที่ 22 ตั้งอยู่ในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ เมื่อเจอนายทหารเวรดูแลประตูทางเข้าค่าย จ.ส.อ.ได้ออกอุบาย อ้างว่ามาขออาวุธปืนเอชเคไปให้เจ้านาย เมื่อได้อาวุธแล้วก็มุ่งหน้าไปยังกองพัน พบพลทหาร โชคชัย มูลจันทา นายทหารเวรรักษาการคลังอาวุธปืน จึงใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเปิดทางเข้าไปโจรกรรมปืนเล็กยาวอัตโนมัติ เอชเค 3 กระบอก ปืนกลเอ็ม 60 จำนวน 3 กระบอก เป็นเหตุให้พลทหารโชคชัย ได้รับบาดเจ็บ

เสียงปืนและเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ได้สร้างความแตกตื่นให้กับทหารที่อยู่ในกองพัน ระหว่างนั้นพลทหารเมธา เลิศศิริ วิ่งออกมาดู จ.ส.อ.จึงใช้อาวุธปืนเอชเค ยิงเสียชีวิต และขนอาวุธปืนใส่รถเก๋งส่วนตัว ขับไปเปลี่ยนกับรถฮัมวี่ของทหาร ทะเบียนกงจักร 2563 แล้วขับไปคลังกระสุน โจรกรรมเครื่องกระสุน 736 นัด ชุดประคองสายกระสุนเอ็ม 60 รวม 3 สาย

ขณะขับรถหลบหนีออกทางหน้าค่าย ซึ่งเป็นทางออกไปถนนทางหลวง 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี ตำรวจสายตรวจ สภ.โพธิ์กลาง รุดมาทันและขับรถจอดขวางทาง จ.ส.อ. ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเปิดทาง แล้วเปลี่ยนเส้นทางออกด้านหลังค่าย ไปทางวัดป่าศรัทธารวม ศูนย์วิทยุสื่อสารไชยณรงค์ดูแลรับผิดชอบสถานีตำรวจ 51 แห่งในนครราชสีมา ได้วิทยุสื่อสารให้ช่วยสกัดจับ

ด.ต.ชัชวาลย์ แท่งทอง ผบ.หมู่งานป.สภ.เมือง ขับรถตราโล่มาทัน บริเวณบ้านหนองปรือ หมู่ 1 ต.โพธิ์กลาง พยายามขับรถขวางเส้นทางหลบหนี จ.ส.อ.จึงใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงถล่มหูดับตับไหม้ โดยใช้ปืนกลเอ็ม 60 ซึ่งมีอานุภาพรุนแรง สามารถยิงทะลุและเจาะเกราะได้ ทำให้ดต.ชัชวาลย์เสียชีวิตคาพวงมาลัย และนายจิรวัฒน์ รัดกลาง อาสาสมัครตำรวจบ้านเสียชีวิต ขณะพยายามเปิดประตูหลบหนี และเอาวิทยุสื่อสารไปด้วย

วิถีกระสุนยังพุ่งไปถูกนายทัศนะ หริรักษ์ ด.ช.รัชชานนท์ กาญจนเมธ นักเรียนชั้น ม.2 ที่กำลังขี่จักรยานยนต์กลับบ้านพัก นายทัศนะ หริรักษ์ น.ส.อาริยา กลีบเมฆ ผู้ขับรถเก๋งจนเสียหลักตกข้างทาง รวมทั้งรถฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน กร 7538 นครศรีธรรมราช ทำให้ร.อ.ศิริวิวัฒน์ แสงประสิทธิ์ หรือผู้กองหมี ผบ.ร้อย.ทพ.4914 เดินทางมาพร้อมนางพัชรา จันทร์เพ็ง และนางนริศรา โชติกลาง เดินทางร่วมงานเลี้ยงรุ่น เสียชีวิตคารถรวม 3 ศพในสภาพสยดสยอง

ระหว่างนั้นมีตำรวจนับสิบนายเดินทางมาปิดล้อม คนร้ายมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนสงคราม อาวุธที่ใช้มีประสิทธิภาพรุนแรงกว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งส่วนใหญ่มีแค่ปืนพกสั้น ยิงไปล่าถอยไป เมื่อได้ยินเสียงปืนใกล้เข้ามา ใช้เวลาปะทะนานกว่า 1 ชั่วโมง

จ.ส.อ. สามารถขับรถหลบหนีเข้าไปในตัวเมืองนครราชสีมา ใช้เส้นทางถนนราชสีมา-โชคชัย ผ่านทางแยกหัวทะเล เลี้ยวเข้าเขตเทศบาลนคร (ทน.) ผ่านเรือนจำกลางนครราชสีมา ตลอดทางเจ้าหน้าที่วิทยุสื่อสารแจ้งความเคลื่อนไหวตลอด และกำชับห้ามใช้ความรุนแรง เพราะเกรงจะเกิดอันตรายกับประชาชน โดยเชื่อว่าคนร้ายจะขับหนีออกนอกตัวเมือง

คนร้ายใช้เส้นทางผ่านไปทางแยกประตูพลแสน มุ่งหน้าไปศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. โดยกราดยิงใส่ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาและอยู่บริเวณใกล้เคียง รวมทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างบ้าคลั่ง รวมทั้งยิงใส่ถังก๊าซหุงต้ม หวังให้เกิดระเบิดเป็นเปลวเพลิงลุกไหม้

ต่อมาได้หลบหนีเข้าไปในศูนย์การค้า แล้วยิงปะทะกับตำรวจ ทหาร เสียงปืนดังสนั่นนานหลายนาที สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนกว่าพันคนที่อยู่ภายในห้าง ต้องพากันวิ่งหนีตายหาที่หลบซ่อน

อาสาสมัครกู้ภัยสว่างเมตตาโคราชและฮุก.31 นครราชสีมา เร่งนำผู้บาดเจ็บและผู้ติดอยู่ในห้างออกมา แต่คนร้ายคือจ.ส.อ.ยังกราดยิงตลอด เจ้าหน้าที่ต้องล่าถอยออกมาด้านนอก เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ติดค้างจำนวนมาก

จากนั้นเวลา 18.30 น. จ.ส.อ. อัดคลิปโพสต์เฟซบุ๊ก “เมื่อยมือแล้วหลังกราดยิงประชาชนนับสิบราย” “เหนื่อยเหลือเกิน” “มันตายมั้ย 3 คนนั้น” “ซวยละเป็นตะคริว” “พวกมึงอยากลองของใช่มั้ย” “ยังไงก็หนีความตายไม่พ้น” “3 ศพล้างแค้น นอกนั้นป้องกันตัว”

เจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นเส้นทางทางจราจรโดยสิ้นเชิง โดยนำรถดับเพลิง รถพยาบาลมาจอดเตรียมพร้อมเผชิญเหตุร้าย

เวลา 03.00 น. ของวันที่ 9 ก.พ. ชุดอินทราชา 26 จำนวน 20 นาย เข้าไปปฏิบัติหาทางช่วยเหลือประชาชนที่ติดค้าง โดยหลีกเลี่ยงการปะทะ เกรงลูกหลงจะทำให้สูญเสีย จ.ส.อ.ได้ดักซุ่มอยู่ เมื่อเห็นกำลังเจ้าหน้าที่จึงยิงปะทะกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 60 ซึ่งรุนแรงและยิงทะลุเกราะได้ คือ ส.ต.ท.กฤษฎา การุณ และร.ต.อ.ตระกูล ธาอาสา ผบ.หมวด (สบ1) กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. ถูกยิงที่หน้าอ เสียชีวิต และส.ต.ต.รัฐธรรมนูญ นาทอง ถูกยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บ

ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องล่าถอยออกมาและกั้นแนวเขต ซึ่งมีอาคารพาณิชย์เป็นแนวบังวิถีกระสุน ช่วงเวลาก่อนรุ่งสางมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ กระทั่งเวลา 08.50 น. เสียงปืนดังขึ้นนานกว่าปกติ จากนั้นมีการยืนยันคนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิตที่ชั้นแอลจี ในห้องเย็นของฟู้ดแลนด์

สรุปมีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 27 ราย ส่วนใหญ่วิถีกระสุนพุ่งเข้าถูกศีรษะ ทราบรายชื่อผู้เสียชีวิตดังนี้

ที่วัดป่าศรัทธารวม ต.หัวทะเล อ.เมืองฯ จำนวน 9 ราย คือ 1.น.ส.อาริยา กลีบเมฆ อายุ 40 ปี 2.นางนริศรา โชติกลาง อายุ 52 ปี 3.นางชญาภา แสงครบุรี อายุ 57 ปี 4.นายจิรวัฒน์ รัดกลาง อายุ 41 ปี 5.ด.ต.ชัชวาล แท่งทอง อายุ 50 ปี 6.นายทัศนะ หริรักษ์ อายุ 35 ปี 7.ร.อ.ศิริวัฒน์ แสงประสิทธิ์ อายุ 55 ปี 8.ด.ช.รัชชานนท์ กาญจนเมธี อายุ 13 ปี และ 9.นางพัชรา จันทร์เพ็ง อายุ 54 ปี

เสียชีวิตที่บ้านถนนหัก ต.หนองจะบก อ.เมือง จำนวน 3 ราย 1.นางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 62 ปี 2.พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี 3.พลทหารเมธา เลิศศิริ อายุ 23 ปี

เสียชีวิตที่ศูนย์การค้า 15 ราย 1.นายวันชัย เวชวรรณ์ อายุ 41 ปี 2.นายเอกวิน ยืนทน อายุ 18 ปี 3.ส.ต.ท.กฤษฎา การุณ 4.ร.ต.อ.ตระกูล ธาอาสา 5.นายจักรพันธ์ ชิพิมาย อายุ 44 ปี 6.นายศรัณยพงศ์ พงษ์ชอุ่มดี อายุ 55 ปี 7.นายอำนาจ บุญเอื้อ อายุ 47 ปี 8.หญิงไทยอายุประมาณ 50 ปี 9.ชายไทยอายุประมาณ 20 ปี 10.ชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25 ปี 11.จ.ส.อ.จักรพงษ์ ถมยา คนร้ายที่ก่อเหตุ

ส่วนอีก 4 รายอยู่ระหว่างประสานญาติให้มายืนยันอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน