สธ.เปิดผลสำรวจหลังปลดล็อกเฟส 1 พบการ์ดตก แอบไปงานบวช-แต่ง ช่วงผ่อนปรนพบมีรายได้ลดลง 48 % มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 53 %

วันที่ 16 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานสถิติแห่งชาติ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

สำรวจการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระหว่างมาตรการผ่อนปรนวันที่ 8-14 พ.ค.2563 จากผู้ตอบแบบสอบถาม 19,378 คน ผ่าน https://thaifightcovid19.com/

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

แบ่งเป็นเพศหญิง 73% ชาย 26% อายุเฉลี่ย 48 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป 86% อาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 27% พนักงานลูกจ้างเอกชน 24% และประกอบธุรกิจส่วนตัว ค้าขาย อาชีพอิสระอีก 19%

ผลสรุปการสำรวจพบว่า ในช่วงมาตรการผ่อนปรน กลุ่มตัวอย่าง 48 % มีรายได้ลดลง และอีก 53 % มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น โดยพบว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้นของประชาชนส่วนใหญ่ 88 % มาจากค่าอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย รองลงมา ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ 76% และค่าอาหาร 56%

ส่วนภาพรวมการเดินทางออกนอกจังหวัดในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบประชาชน 26 % เดินทางออกนอกจังหวัด โดยเหตุผลที่เดินทางออกนอกจังหวัด เพราะจำเป็นต้องไปทำงาน 61 % และเดินทางไปธุระจำเป็น เช่น ติดต่อหน่วยงานราชการ 21 % และเดินทางไปเยี่ยมครอบครัว ญาติ เพื่อนฝูง 21 %

นอกจากนี้ยังพบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนประมาณ 11 % ไปร่วมการรวมกลุ่มกิจกรรมทางสังคม เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานสังสรรค์ งานประชุม การเรียนการสอนต่อหน้า

สำหรับพฤติกรรมการป้องกันตนเองในช่วงผ่อนปรนมาตรการระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. พบว่าประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันตนเองลดลงในทุกพฤติกรรม เมื่อเทียบกับข้อมูลก่อนการผ่อนปรนมาตรการสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเม.ย.

โดยพฤติกรรมป้องกันโดยรวมจาก 77.6% ลดลงเหลือ 72.5% สวมหน้ากากทุกครั้ง 91.2 % ลดลงเหลือ 91 % ล้างมือทุกครั้งจาก 87.2 % ลดเหลือ 83.4 % กินร้อน ช้อนกลางตนเอง 86.1 % ลดเหลือ 82.3 % ระวังไม่อยู่ใกล้คนอื่นในระยะน้อยกว่า 2 เมตร จาก 65.3% เหลือ 60.7% และไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก จาก 62.9% เหลือ 52.9%

ขณะเดียวกัน เมื่อสอบถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลไทยในการออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อโควิด-19 พบว่า 65% เชื่อมั่น ขณะที่ 21% ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ และ 14% ไม่เชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม ได้และเตรียมนำผลที่ได้ไปพัฒนาแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ให้มากขึ้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน