จากกรณีพลเมืองดีรับแจ้งมีเด็กหนีออกจากบ้าน เดินพลัดหลงอยู่ย่านเขตราษฎร์บูรณะ เบื้องต้น เด็กอ้างว่าหนีมาจากโรงเรียนที่จังหวัดจันทบุรี เพราะเบื่อเพื่อน ส่วนพ่อแม่เสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบกลับพบความจริงว่า พ่อและแม่แท้ๆของเด็กยังมีชีวิตอยู่ ทั้งสองคนระบุลูกชายหนีออกจากบ้าน หลังสร้างปัญหาจนทุกคนต่างเอือมระอา ทั้งวางยาจนย่าเสียชีวิต และพยายามผสมผงยากันยุงให้พี่สาวพิการ พ่อแม่ดื่ม แต่ทุกคนรอดชีวิตมาได้ ซึ่งครอบครัวได้ประกาศว่า ไม่อยากดูแลเด็กคนนี้อีกต่อไป

 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ก.ค. ที่ สน.ราษฏร์บูรณะ ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า พ่อ และ แม่ ได้พาลูกชาย กับบ้าน ไปอุปการะตามเดิม แล้ว เมื่อผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 195 ซึ่งเป็นบ้านเช่าชั้นเดียว ซอยพุทธบูชา 39 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. พบ นายศักดิ์ชัย(สงวนนามสกุล) ผู้เป็นพ่อ กำลังนั่งทำงาน เย็บรองเท้า และ นางภาริณี (สงวนนามสกุล) ผู้เป็นแม่ กำลังนอนกล่อมลูกสาวพิการ วัย 14 ปี ซึ่งแม่ระบุว่า ไม่ได้นอนกลางคืน เพราะถูกน้องชายแกล้งเวลานอน ก็จะส่งเสียง เขย่าตัว ไม่ยอมให้นอน ทั้งคืน ต้องมานอนกลางวันแทน
นางภาริณี เปิดเผยว่า เย็นวานนี้ศูนย์ประชาบดี มาสอบถาม เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และ ตนเองก็เล่าเรื่องราว ทั้งหมด ให้กับศูนย์ประชาบดี ฟัง ก็ได้รับคำตอบว่าทางศูนย์ประชาบดี ไม่สามารถรับเด็กไว้เลี้ยงดูได้ เนื่องจาก เป็นเด็กอันตราย ที่จะนำนิสัย ความประพฤติ ทั้งหมด ที่มีอยู่ในตัวเด็ก อาจจะไปสอนเด็กรุ่นน้อง หรือ เพื่อนในศูนย์ได้ ขอแนะนำให้ทางพ่อแม่ ไปขัดเกลา เลี้ยงดูเอง ทางพ่อแม่ ก็ต้องนำกลับมาที่บ้านตามคำแนะนำของ ศูนย์ประชาบดี


โดยนางภารีณี ผู้เป็นแม่ได้กล่าวทั้งน้ำตา ว่า ลูกต้องการเกิดมาเป็นลูกคนรวย ใช้ชีวิต อย่างสุขสบาย บนกองเงิน กองทอง อยากมีบ้าน ที่มีบันไดเลื่อน และคิดว่า พ่อกับแม่ นั้น รักพี่สาวนั้นมากกว่า ตนเอง แท้จริงแล้วแม่นั้น รักลูกชายมากที่สุด ถึงให้ใช้นามสกุลแม่ อยู่เพียงคนเดียว ซึ่งทั้งบ้าน ได้เปลี่ยนมาใช้ นามสกุลของพ่อหมดแล้ว โดยพบว่า เวลาลูกแกล้งเพื่อน เห็นคนอื่นไม่ดี เขาจะรู้สึกมีความสุข โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาหลังเกิดเรื่อง และพบว่าไม่มีใครเอา ทั้งศูนย์ประชาบดี ตำรวจ และโรงเรียน ลูกได้มาบอกตนว่าจะไม่ทำเหตุการณ์อย่างนี้อีก เขาจะเป็นคนดี

 

“วันนี้เขาคิดได้ แล้วถ้าวันพรุ่งนี้เขาคิดไม่ได้ เขาทำเหตุการณ์อย่างการเอายากันยุง ผสมน้ำ ให้พี่สาว และน้องชาย กินอีก จะทำอย่างไร ที่ผ่านมา เคยพาไปบวชเณรมาแล้ว ที่วัดที่จังหวัดชลบุรี เพราะหวังว่าจะดีขึ้น ก็ไปเกิดเหตุ ขโมยของในวัด จนเจ้าอาวาส ขอร้องให้สึกเอาตัวเด็กกับบ้านไป อบรมให้ดี เจ้าอาวาสไม่เอาเรื่อง เห็นว่าเป็นเด็ก “ผู้เป็นแม่ กล่าว


ด้านนายศักดิ์ชัย ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า เวลานี้ตนสงสาร เมียมาก ที่สุด ไม่รู้ว่าจะอดทน ได้เหมือนตนหรือไม่ ตนต้องพาเมียไปหาหมอ รพ.จิตเวช เพราะว่ามีอาการ ระแวง ว่า ลูกชาย จะผสมยากันยุง ให้ น้อง พี่สาว กินอีก จนประสาทหลอน เวลานี้ ตนก็ต้องทำงานเย็บรองเท้า ระแวงเหมือนกัน เอากระจก มาติดไว้ที่กำแพง เวลานั่งเย็บรองเท้าที่จักร จะได้มองเห็นข้างหลัง ทำงานไป ก็ ระแวงไป เพราะยากันยุง ต้องจุด ไล่ยุง ตลอดเวลา เพื่อไล่ยุง ไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไร หลังจากที่ออกข่าว ไป แล้ว
“เมื่อเช้านี้เมีย ผมก็ดูข่าวเหมือนกัน ประชาชนใครๆดู ก็ต้องบอกว่า ผมกับเมีย ไม่ดี เลี้ยงลูกไม่ได้ ไม่ได้รับความอบอุ่น อย่างที่กล่าวพูดไปข้างต้น แล้ว ทุกสิ่งมันเวรกรรมของ ผม จริง ๆ แต่เป็นที่ลูกผมมันไม่ดีเอง ทำอย่างที่เห็น อยากจะขอร้องหน่วยงาน ให้เข้ามาช่วยเหลือเอาเด็ก ไปให้พ้นครอบครัวผม ผมก็พูดไม่เป็น อยากให้ไป พ้น พ้น กับ ครอบครัวผมจริงๆ ถึงผมจน ทำงาน อย่างที่เห็น ผมก็มีความสุข เลี้ยงครอบครัวได้ อดมื้อ กินมื้อ ก็มีความสุข ตอนนี้ผมห่วงเมียผม จะเป็นประสาทหลอน อีกคน”นายศักดิ์ชัย กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เด็กได้ยกมือไว้ กราบเท้า พ่อ แม่ ทั้งน้ำตา ว่า หนู จะเป็นคนดี ไม่ทำ ให้ พ่อแม่ ลำบากใจ อีกแล้ว ต่อไปนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน