ลุงน้องชมพู่ เครียด พ้อยอมรับสภาพ แฉพิรุธคดี-ตร.ขอหลักฐานเด็ด อดีตรองผบ.ตร.เผยพบเส้นขน เส้นผม ดีเอ็นเอเดียวกัน แต่ไม่ใช่ของ “น้องชมพู่”

นับว่าเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว สำหรับคดีการหายตัวไปของ “น้องชมพู่” ด.ญ. วัย 3 ขวบ ก่อนถูกพบเป็นศพ นอนเสียชีวิตในสภาพเปลือยบนเนินเขาห่างจากบ้านประมาณ 4 กิโลเมตร ทุกคนไม่ปักใจเชื่อว่าน้องจะเดินขึ้นเขาเองได้ ขณะที่ “ลุงพล” ซึ่งเป็นคนพาศพน้องชมพู่มาตรวจชันสูตรรอบ 2 ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เครียดจัดถึงขั้นโกนผมและคิ้วตามความเชื่อ

รายการโหนกระแสวันที่ 17 มิ.ย. “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 เปิดใจสัมภาษณ์ “พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช” อดีตรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมวิดีโอคอลหาลุงพล

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

มันเป็นคดีที่น่าหนักใจมั้ย สำหรับคดีน้องชมพู่ เหตุการณ์ผ่านมาเดือนกว่า ?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “ต้องเรียนว่าพื้นที่ที่เป็นที่เกิดเหตุ ผมเคยรับราชการที่นั่น นั่นเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ผมออกมาพูดให้สัมภาษณ์สื่อบางช่อง ผมพูดชัดเจนว่าพื้นที่นั้นเป้นอย่างไร สภาพอากาศเป็นอย่างไร เป็นป่าเขาอย่างไร แล้วเหตุที่เกิด โอกาสที่จะแสวงหาหลักฐานข้อมูลพิสูจน์ความผิดไม่ง่าย ตรงนี้คือประเด็นสำคัญที่สุด”

“ผมรับเชิญคุณหนุ่มมาด้วยเหตุผลว่าอยากให้สังคมและสื่อทุกแห่ง ลองฟังจากปากกผม โดยไม่ต้องไปแปลงสาร เพราะในฐานะครูบาอาจารย์ตำรวจ จะพูดอะไรต้องรอบคอบ มีหลักวิชาประกอบ ไม่ใช่พูดชุ่ยๆ นึกอยากพูดอะไรก็พูด ต้องเรียนว่าตร. ได้ทำงานตามความเป็นจริง ไม่ได้ทำตามกระแสสื่อหรือสังคม ฉะนั้นบทเรียนที่ผ่านมาหลายครั้งที่ตร.ทำอะไรผิดพลาดก็ถูกตำหนิติเตียน ตร.ยุคนี้ ที่พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดาเป็นผู้บัญชาการตร. เราระดมทรัพยากรบุคคลเท่าที่เราคิดว่ามีความรู้ความสามารถมาช่วยกัน”

“คดีนี้อยากจะเรียนให้พี่น้องทราบว่าเราใช้ทรัพยากรบุคคลมากที่สุด เชื่อมั้ยว่าเราดึงคนที่มีความรู้ความชำนาญในการสืบสวนในป่า จาก 3 จังหวัดชาายแดนภาคใต้ มาร่วมงานด้วย ในการตามหาคดีน้อง”

ชุดนี้ถือว่าเก่งมั้ย?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “เก่งครับ เหตุเกิดที่ไหนอย่างไรก็ต้องเป็นความถนัดจัดเจนของแต่ละบุคคล ทีมงานที่ลงไปทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะดึงมาจากภาคใต้อย่างเดียว การวิเคราะห์ข่าว การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เราใช้คนที่มีประสบการณ์ จากนครบาลก็ไป เราระดมคนทั้งหมดไปอยู่ที่นั่น ต้องใช้คำว่าปูพรมหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดว่าใครเป็นผู้ต้องหารายนี้”

ผ่านไปเดือนกว่า ชุดนี้เก่งที่สุดแล้ว วันนี้ก็ยังปิดไม่ได้?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “เรายังไม่สามารถหาพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่าใครเป็นผู้ต้องหารายนี้เลย จากการตรวจพิสูจน์ศพน้องชมพู่ ไม่ใช่สองครั้ง ตอนได้ศพน้องชมพู่ ไปตรวจครั้งแรกที่รพ.อำเภอ หมอลงความเห็นว่าตายเพราะขาดน้ำ หรือฮีสโตรก เพราะมุกดาหารเป็นดินแดนที่ร้อนที่สุด 40 องศา พ.ค. นี่ร้อนมาก ฉะนั้นเมื่อน้องชมพู่ ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น ก็ทำให้เสียชีวิตหลังจากที่เข้าป่าไป จะเป็นใครอุ้มไปอย่างไรก็ตาม แต่ที่สำคัญที่สุด ตัวน้องชมพู่หาหลักฐานคนอื่นเข้ามาไม่ได้เลย ดีเอ็นเอ เส้นผม เส้นขนไม่มีของคนอื่นที่มาแปลกปลอม”

กำลังจะบอกว่าแยกเป็นสองมุม มุมนึงเป็นไปได้ว่าน้องอาจเสียชีวิตเองโดยไม่มีใครฆ่า อีกมุมอาจเป็นไปได้ว่าน้องจะขึ้นไปเองก็ได้ หรือมีคนอุ้มไปก็ได้?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “เป็นไปได้ทั้งสองมุม แต่มุมคนอุ้มไปเรายังหาหลักฐานไม่พบ ตรงนี้เป็นปัญหา เนื่องจากการพิสูจน์หลักฐาน คดีนี้จะสาวถึงตัวคนร้ายได้ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่จะพิสูจน์ ตอนนี้ตัดเรื่องเอกสารไป เหลือวัตถุพยานกับพยานบุคคล พยานบุคคลก็แบ่งเป็นสองประเภท ประจักษ์พยานคือเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นตอนน้องชมพู่ถูกทำร้ายตาย กับพยานแวดล้อมกรณีเห็นน้องชมพู่เดินไปกับใครหรือเดินไปคนเดียว ทั้งหมดนี่ไม่มีเลย”

มุมที่บอกว่าต้องพึ่งหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์อย่างเดียว?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “ตอนนี้มั่นใจว่าเฉพาะนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ เอามาตรวจดีเอ็นเอ ทุกอย่าง เส้นผม เส้นขน แม้กระทั่งกางเกงน้องชมพู่ที่มีคราบ ตอนต้นพิสูจน์หลักฐานดีใจว่าน่าจะมีดีเอ็นเอคนอื่น แต่เปล่าครับ กลายเป็นสารคัดหลั่งของน้องชมพู่”

“ยกตัวอย่างสั้นๆ คดีฆ่าแหม่มที่สมุย ตอนผมเป็นรองผบ. อันนั้นยังง่ายกว่าจากจุดนี้ไปจุดนี้ แหม่มจอยปาร์ตี้กับเพื่อน เดินชายหาดไปแล้วโดนข่มขืนที่โขดหิน ตร.ลงไป ทีมที่เก่งที่สุดคือท่านอัศวิน ผู้ว่าฯ กทม. เดี๋ยวนี้ และท่านจักรทิพย์ ชัยจินดา ผมเป็นรองผบ. สามอาทิตย์บินขึ้นบินลงไปแถลงข่าว ตอนนั้นผมเป็นโฆษก ประจักษ์พยานไม่มี มีแต่พยานแวดล้อมที่เห็นว่าแหม่มลาแล้วเดินไป เชื่อมั้ยว่าร่องรอยต่างๆ ไม่มีเลย แต่เราได้ดีเอ็นเอในช่องคลอดของแหม่ม แล้วมันแยกมาได้เป็น 2 คน จนกระทั่งท่านอัศวิน และท่านจักรทิพย์ จูงมือกันเดินไปตอนกลางคืนตามไทม์ไลน์ที่แหม่มไป และไปหยุดอยู่ที่ชายหาดมองออกไปนอกทะเล ถึงได้เห็นแสงไฟ ท่านอัศวินเล่าให้ฟังเอง ถึงได้เอาคนเรือมาสอบ และดีเอ็นเอตรงกัน”

ตรงนั้นยังมีดีเอ็นเอ แต่ตรงนี้ไม่มี?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “ไม่มี ปัญหาคือเราไม่สามารถหาหลักฐานได้ อยากเรียนให้ทราบคดีนี้ถ้าไม่มีดีเอ็นเอ ไม่มีอะไรพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ได้เลยว่าเป็นของใคร ใครมาเกี่ยวข้อง ก็ต้องปิดคดีไว้ก่อน ยังไม่หมดอายุความ จนกว่าจะปรากฎขึ้นมาในอนาคตว่ามีใครกระทำควาาผิด แน่นอนเปิดคดีขึ้นมาใหม่ได้ ส่วนสังคมที่กำลังตรวจสอบตร. ทำให้ตร.เป็นเป้ากระสุนตกอยู่ สำคัญที่สุดไม่ได้จบที่ชั้นตร. ต้องรวบรวมหลักฐาน ยังไม่มีผู้ต้องสงสัย ถ้ามีเพียงพอที่จะออกหมายจับก็แย่แล้ว”

ตอนนี้เขาบอกลุงเป็นผู้ต้องสงสัย ลุงโกนหัวเลย?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “ผมว่ากระแสสังคมไปพาดพิง ยังพิสูจน์ไม่ได้ เพราะไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในตัวลุงที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่เกิดเหตุเลย”

ข่าวที่ออกมาล่ะ?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “นั่นคือข่าว แต่ความจริงที่ปรากฎก็อย่าฟัง เพราะปากคนที่ออกไปสื่อสารยังแปรผันได้ ข่าวถูกเติมใส่สีตีไข่ไปได้เรื่อย เราต้องเอาความจริง พิสูจน์ความผิดคนผิดจริงๆ ไม่ใช่จับแกะแพะม้าล่อ อย่างนั้นตร.แย่ แล้วเรื่องไม่ได้จบที่ตร. ท่านทั้งหลายต้องทราบว่าต้องถูกส่งหลักฐานสำนวนการสอบสวนรวมทั้งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการ ตรวจดูว่าเพียงพอฟ้องศาลมั้ย ไปถึงศาล ศาลก็ต้องตัดสินอีก”

ในมุมมองท่าน มองว่าน้องอาจเสียชีวิตเอง?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “มันมีประเด็นเดียว ถ้าไม่มีหลักฐานอะไรอย่างอื่นเลย ก็มีรูนั้นออกรูเดียว”

น้องเดินไปได้เองเหรอ?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “นั่นเป็นเรื่องที่เราคาดคะเนอะไรไม่ได้ แต่การไปจำลองเหตุการณ์ไม่ใช่ของจริง ไม่มีใครรู้ว่าในความเป็นจริงแล้ว เด็กเดินไปเองหรือใครอุ้มไป แต่ประเด็นใครอุ้มไปยังไม่มีหลักฐานเพียงพอพิสูจน์ได้ว่ามีคนอุ้มเด็กไป เราปฏิเสธไม่ได้”

วิดีโอคอลหา “ลุงพล” ครั้งนึงเคยพาน้องชมพู่มาตรวจชันสูตรศพครั้งที่สอง ไม่ถึงเดือนเป็นผู้ต้องสงสัย ตอนนี้ลุงตกเป็นผู้ต้องสงสัย?
ลุงพล : “ครับ”

อะไรเป็นที่มาของการที่ตร.บอกลุงเป็นผู้ต้องสงสัย?
ลุงพล : “ไม่ทราบเหมือนกันครับ”

เขาสงสัยว่าตัวลุงเอาเสื้อผ้าน้องขึ้นไปบนเขาตอนพบศพน้อง ประมาณว่าลุงรู้ได้ยังไงว่าน้องไม่ใส่เสื้อผ้า?
ลุงพล : “เสื้อผ้าที่เตรียมไปให้ เป็นพ่อน้องชมพู่เตรียมให้ ไม่ใช่ลุงเตรียม พอดีพ่อน้องชมพู่ฝากให้ผมนำขึ้นไปให้ลูกสาวเขา”

มีกรณีที่ลุงเองมีปัญหากับทางพ่อแม่น้องชมพู่ อาจนำมาซึ่งความโกรธแค้น กระทำเหตุแบบนี้ ลุงจะชี้แจงยังไง?
ลุงพล : “สำหรับเรื่องครอบครัวน้องชมพู่กับครอบครัวผมไม่ได้มีอะไรทะเลาะกันถึงขนาดเป็นเรื่องเป็นราวถึงขั้นต้องทำอย่างนี้ แล้วอาศัยกันเวลาทำงาน ปีนี้ล่าสุดเขาก็ไปปลูกมัน ผมก็ไปช่วยเขาอยู่ ไม่ได้มีปัญหาอะไรรุนแรงขนาดนั้น”

ลุงเองก็เครียด ทำไมถูกเรียกไปสอบบ่อยเหลือเกิน และถูกห้ามออกนอกพื้นที่?
ลุงพล : “เครียดครับ วันที่ตรวจค้นรถ ก็เลยได้โกนผมไป”

ทำไมถึงโกน?
ลุงพล : “ผมมีความเชื่ออย่างถ้ามีสิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิตก็ทำแบบนี้ เป็นการปลง”

ได้คุยกับพ่อแม่น้องมั้ย?
ลุงพล : “ตั้งแต่เผาน้องก็ไม่ค่อยได้คุยกัน”

ปกติสนิทกันมั้ย?
ลุงพล : “สนิทแบบพี่น้อง ถ้าเขามีอะไรให้ช่วยก็มาหาที่บ้าน”

สนิทกับน้องชมพู่แค่ไหน?
ลุงพล : “ทุกครั้งที่เขาอยากมาเล่นบ้านลุงก็จะบอกป้า กับน้องก็สนิท แต่ส่วนใหญ่ลุงไม่ค่อยได้อุ้มเท่าไหร่”

คิดว่าน้องเดินไปบนเขาเองได้มั้ย?
ลุงพล : “อันนี้ตอบไม่ได้ครับ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็พูดไปต่างๆ นานา ตอนแรกที่ผมเห็นสภาพน้อง ผมมั่นใจว่ายังไงน้องขึ้นไปเองไม่ได้เพราะมันสูงมาก ตอนนี้ก็ยังมั่นใจว่าน้องไม่น่าจะขึ้นไปเองได้ น่าจะมีคนพาขึ้นไป”

ยังยืนยันคำตอบเดิม?
ลุงพล : “ครับ ไม่ลังเลครับ เพราะรู้สึกว่าบริเวณที่น้องขึ้นไปอยู่ ตอนนั้นหญ้าไม่เขียวแบบนี้ เป็นที่โล่งๆ อากาศร้อนมาก ถ้าน้องขึ้นไปคงไม่ถึงจุดนั้นถ้าไปเอง ตอนแรกก็มั่นใจว่ายังไงก็ต้องมีคนพาขึ้นไป ทุกวันนี้ก็ยังคิดอยู่ว่าต้องมีคนพาขึ้นไป”

กลัวว่าหลักฐานจะชี้มาที่ลุง และลุงจะกลายเป็นผู้ต้องหา?
ลุงพล : “ไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อกี้เจ้าหน้าที่ก็มาเอาหลักฐานไปเพิ่ม เป็นกระสอบสองใบ ถุงมือผ้าสองคู่และขนสุนัขบางส่วน”

รถของลุงที่เคยมีอ้วกน้อง?
ลุงพล : “มีครับ ส่วนตร.เอาไปด้วยมั้ย ผมไม่ได้เข้ามาดูที่รถ พิสูจน์หลักฐานเขาล้อมเอาไว้เลยไม่ได้เข้ามาดู”

ภรรยาว่าไง?
ลุงพล : “แฟนเป็นกังวลมากกว่าผม แต่ตอนนั้นผมเฉยๆ ไม่รู้จะมาตรวจที่รถเพื่ออะไร”

ถ้าตรวจแล้วมีอะไรดีเอ็นเอ เหงื่อ เส้นผมหล่นอยู่ในบริเวณนั้นจะทำยังไง?
ลุงพล : “ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อเจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเป็นฝีมือผม ผมก็ต้องยอมรับไปตามสภาพ”

ลุงจะไม่สู้เลยเหรอ?
ลุงพล : “ก็สู้ในชั้นศาล ถึงจะสู้เขาได้”

บอกพ่อแม่เขามั้ยว่าไม่ได้ทำ?
ลุงพล : “ก็ยืนยันความบริสุทธิ์ตัวเองอยู่ เราก็รักหลานมากเหมือนกัน”

บางคนบอกว่าสิ่งที่ลุงแสดงออก เหมือนแอ็กติ้ง สร้างประเด็นขึ้นมา มองยังไง?
ลุงพล : “ผมก็อยากรู้ความรู้สึกคนที่พูด ทำไมถึงคิดว่าผมแสดง มันไม่ใช่ภาพยนตร์นะที่ผมจะทำแบบนั้น ผมก็ได้ยินมาบ้าง แต่ไม่อยากไปพาดพิงหรือพูดอะไร เพราะเขาไม่ได้เจอเรื่องแบบที่เราเจอ”

วันนี้พ่อแม่น้องขึ้นมากรุงเทพมั้ย?
ลุงพล : “ไม่ทราบเหมือนกันครับ ไม่ได้ติดต่อกันครับ”

ทำไมไม่ไปพูดคุยกับแม่ว่าไม่ใช่เรา ไม่ไปปรึกษา พอเกิดเหตุมันแยกกันเหรอ?
ลุงพล : “เราก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน ตั้งแต่เกิดเหตุ ผมก็อยู่ที่บ้านตลอด เจ้าหน้าที่มาผก็ให้ความร่วมมือตลอด ครอบครัวชมพู่ผมก็ไม่ได้เข้าไปหาเขา”

คิดในใจมั้ยว่าคนร้ายเป็นใคร?
ลุงพล : “ผมไม่ทราบครับ ผมไม่ใช่พ่อแม่น้องชมพู่ ผมตอบไม่ได้”

วันนั้นลุงบอกมีในใจ?
ลุงพล : “ที่คิดในใจเคยปรึกษาแม่น้องชมพู่ตอนคุยกันก่อนหน้านั้น อันนี้ได้มาจากพ่อแม่น้องชมพูว่าเขาสงสัยใคร ผมก็คิดในใจว่าถ้าพ่อแม่เขามั่นใจก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่เขาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ครับ”

ลุงออกจากพื้นที่ไม่ได้?
ลุงพล : “เมื่อวานไปเยี่ยมแม่ ไปขอกำลังใจจากแม่มา”

กอดแม่ร้องไห้?
ลุงพล : “ครับ”

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “แปลว่าผู้ต้องสงสัยที่สาหัสที่สุดคือลุงพล ในสายตาของสังคม สื่อ ไปให้ความสำคัญว่าลุงพลน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด เท่าที่ติดตามมา ผมจะไม่วิจารณ์สิ่งที่ลุงพลโต้ตอบกับคุณหนุ่ม แต่อยากจะเรียนว่าคดีนี้ต้องรออย่างเดียว คือรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะผลการตรวจศพน้องชมพู่ครั้งสุดท้ายของนิติเวช เพราะก่อนหน้านั้นได้ตรวจละเอียดแล้วว่าการตายน้องชมพู่ ไม่มีใครทำร้ายหรือข่มขืนประการใด ส่วนร่องรอยอย่างอื่น สภาพหลังจากนั้น ผิวหนังน้องก็เปลี่ยนแปลงไป”

เสื้อน้องชมพู่ที่หายไป จะบอกอะไรได้มั้ย?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “จะบอกได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่ที่เจ้าหน้าที่หาพบหรือไม่”

เป็นไปได้มั้ยว่าอาจเป็นหลักฐานสำคัญที่สุด?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “ขอให้เจอเถอะ ต้องเป็นหลักฐานเหมือนกับกางเกงที่น้องชมพู่ใส่”

มีข่าวออกาว่าถ้าเจอขนหรือผมของลุงในที่เกิดเหตุ เหงื่อ ต่างๆ นานา ดีเอ็นเออยู่บนศพน้อง แต่ลุงบอกว่าตอนเขาเจอ เขาถอดเสื้อ เหงื่อกระเด็นไปโดนหรือเปล่า เขานั่งอยู่ใกล้มาก?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “นั่นคือข่าว แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในการตรวจน้องชมพู่อย่างละเอียด 2-3 ครั้งเว้นครั้งสุดท้ายไม่ปรากฎ ผมคุยกับผู้บังคับการจังหวัดมุกดาหาร ไม่ปรากฎ ที่ฟังๆ เป็นเพียงแค่ข่าว จะอย่างไรก็ตาม ไหนๆ มาวันนี้ จะเรียนให้ทราบว่ามีเส้นผม เส้นขนอยู่เส้นนึง ซึ่งตรวจว่าเป็นดีเอ็นเอน้องชมพู่ แต่พิสูจน์หลักฐานต้องการตรวจละเอียดอีกครั้งนึง ว่าเส้นผม เส้นขน ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่น่าจะเป็นของน้องชมพู่ ทั้งที่เป็นดีเอ็นเอเดียวกัน ต้องตรวจดูว่าตรงนี้เป็นของใครกันแน่”

เอาชัดๆ กำลังจะบอกว่า ตร.พบเส้นขนหรือเส้นผม ตอนแรกบอกเป็นของน้องชมพู่ แต่ตอนนี้ตร.ขอเช็กอีกที เพราะอาจไม่ใช่ของน้องชมพู่ แต่เป็นดีเอ็นเอเดียวกัน?
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ : “อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ ผมเอาเรื่องที่ควรจะทราบมาแจ้งให้ แต่ต้องยืนยันความจริงอยู่อย่าง ตร.ทำงานเต็มที่ ไม่ปล่อยปละละเลย และไม่มีวันจับแกะแพะลาม้าล่อ ต้องพิสูจน์ได้ถึงชั้นศาล”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน