“ในหลวง” เสด็จฯ วัดพระแก้ว ทรงเททองหล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ในรัชกาลที่ 9” เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมฯ 12 สิงหาคม ชื่อว่า “พระสัมพุทธโคดม สิริกิติ์บรมราชินีนาถจตุราสีติวรรษมงคล” สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระดำรัสถวายพระพร ขณะที่นายกรัฐมนตรีเชิญชวนชาวไทยทุกหมู่เหล่าทั่วประเทศ ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร ณ พระลานพระราชวังดุสิต และจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเททองหล่อพระสัมพุทธโคดม สิริกิติ์บรมราชินีนาถจตุราสีติวรรษมงคล พระพุทธรูปประจำพระชนม พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดาราม ในพระบรมมหา ราชวัง

โดยเมื่อเวลา 16.50 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า พัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง

เวลา 17.17 น. เสด็จพระราชดำเนินถึงพระบรมมหาราชวัง จากนั้น เสด็จเข้าพระอุโบสถ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชร กิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า สิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงยืนหน้าพระเก้าอี้ที่ประทับ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชา พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมมาพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ พระพุทธเลิศหล้านภาไลย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่ธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสสน์ ทรงศีล ประธาน สงฆ์ถวายศีล จบ

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการจัดสร้างพระพุทธรูปประจำพระชนม พรรษา ว่าในนามของคณะกรรมการอำนวยการสร้างฯ กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการจัดสร้างพระพุทธรูปประจำพระชนม พรรษาโดยสังเขป ดังนี้ ด้วยคณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม ร่วมกับรัฐบาล และพุทธศาสนิกชน พสกนิกรทุกหมู่เหล่า มีจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ขึ้น ด้วยเนื้อทองคำบริสุทธิ์ร้อยละ 99.99 สูงตลอดพระรัศมี 38 เซนติเมตร น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ประดิษฐานบนแท่นฐาน 8 เหลี่ยม สร้างด้วยเนื้อทองคำขาว น้ำหนัก 5 กิโลกรัม มีลักษณะและขนาดเดียวกันกับพระพุทธรูปที่จัดสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 แต่พระพุทธรูปที่จัดสร้างในวาระนี้ยกพระหัตถ์ขวา

คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม และรัฐบาลได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราช ทานพระบรมราชานุญาต และพระราชทานถวายพระนามพระพุทธรูปประจำพระชนม พรรษาองค์นี้ว่า “พระสัมพุทธโคดม สิริกิติ์บรมราชินีนาถจตุราสีติวรรษมงคล” อันมีความหมายว่า “พระสัมพุทธโคดม องค์เป็นมงคลสร้างเมื่อ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ทรงเททองหล่อพระสัมพุทธโคดม สิริกิติ์บรมราชินีนาถจตุราสีติวรรษมงคล ในการนี้ สมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เสด็จออกจากพระอุโบสถ ไปยังมณฑลพิธีเททอง ทรงรับแผ่นทอง นาก เงิน จากนายกรัฐมนตรี และทรงหย่อนแผ่นทอง นาก เงิน ลงในช้อนที่เจ้าพนักงานพระราชพิธีถือถวาย ทรงรับช้อนจากเจ้าพนักงานพระราช พิธี ทรงเททอง นาก เงิน ลงในเบ้า แล้วพระราชทานช้อนคืนเจ้าพนักงานพระราชพิธี ทรงถือสายสูตรทรงเททองหล่อพระสัมพุทธโคดม สิริกิติ์บรมราชินีนาถจตุราสีติวรรษมงคล พระมหาราชครูศรีวิสุทธิคุณฯ หลั่งน้ำเทพมนต์เจิมหุ่น

ต่อมา เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมพระสงฆ์ ประทับพระราชอาสน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระอุโบสถ จากนั้น เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการที่ธรรมาสน์ศิลา ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ แล้วเสด็จฯ กลับ

สำหรับหมายกำหนดการวันที่ 12 ส.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในพระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง

จากนั้นเสด็จฯ ไปยังชานหน้าพระอุโบสถ บรรพชิตจีนและญวนถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แล้วเสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดธุปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย แล้ว ทรงจุดธูปเทียนพระมหามงคลเทียนเท่าพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เสด็จฯ ไปทรงจุดเทียนสำหรับพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ นวัคคหายุสมธัมม์

ต่อมาทรงจุดเทียนที่แท่นมณฑลบูชาเทพดานพเคราะห์ โหรหลวงบูชาเทพดา นพเคราะห์ เสด็จออกจากพระอุโบสถไปประทับรถยนต์พระที่นั่งประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปเทียบที่หน้าพระทวารเทเวศรรักษา เสด็จเข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนพระมหามงคลเทียนเท่าพระองค์ และธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป เทวรูปองค์อภิบาล องค์แทรกพระชนมพรรษา แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ และพระพุทธรูปสำคัญที่บนพระราชบัลลังก์ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร

เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาอาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล พระสงฆ์ 86 รูปเจริญพระพุทธมนต์จบ ทรงประเคนผ้าไตรแด่สมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จฯ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่งที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ส่วนสำนักพระราชวังจัดสถานที่สำหรับลงพระนาม และลงนามถวายพระพรไว้ในพระบรมมหาราชวัง โดยพระราชวงศ์ คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต และบุคคลสำคัญ ลงพระนามและลงนามที่ศาลาว่าการพระราชวัง ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ลงนามที่ศาลาสหทัยสมาคม และประชาชนลงนามที่เต็นท์สนามหญ้าหน้าศาลาลูกขุน ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. นอกจากนี้เวลา 12.00 น. ทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระดำรัสถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ความตอนหนึ่งว่า ขอถวายพระพร เจริญพระราชสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล พระชนมสุขทุกประการ จงมีแต่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ไว้เวียนมาบรรจบ อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ จึงขอตั้งกัลยาณจิต ร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงความชื่นชมยินดี ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษามาโดยสวัสดี เป็นหลักชัยของพสกนิกรผู้อยู่ใต้พระบารมีนับถึงวันนี้ได้ 85 พรรษาบริบูรณ์

สมเด็จพระบรมบพิตร พระราชสมภาร เจ้า ทรงเปี่ยมด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันงามบริสุทธิ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วยพระวิริยอุตสาหะ เคียงข้างพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่ออำนวยประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎรตลอดมา บันดาลความเจริญสุขสวัสดีแก่ชาวไทยถ้วนหน้า ทั้งยังแผ่อาณาประโยชน์แห่งมนุษยธรรมไปถึงมวลมนุษยชาติทั่วไปอย่างไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง

สมเด็จพระบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า เป็นสมเด็จพระบรมราชชนนี ผู้พระราชทานพระราชโอรส พระราชธิดา มาปกป้องคุ้ม ครองทวยราษฎร์ บัดนี้ พระราชปิโยรส ของพระองค์ได้เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ย่อมจักได้พระราชทานอารักขาแก่ข้าแผ่นดิน ตามพระราชปณิธาณให้เป็นที่อบอุ่นใจของปวงชนชาวไทยสืบไป ณ อุดมมงคลชัย คล้ายวันพระราชสมภพ อาตมภาพขออัญเชิญ พระพุทธสุภาษิต มากล่าวอ้างเป็นสัจวาจาว่า “มาตา มิตฺตํ สเก ฆเรฯ” แปลความว่า “มารดาเป็นมิตรในเรือนตน”

ขอประชาราษฎร์ทั้งปวง จงปรองดองร่วมใจกัน ประพฤติตนเป็นลูกที่ดี มีเมตตากรุณาต่อกัน เว้นวางการวิวาทบาดหมางกัน มุ่งบำเพ็ญอภัยทาน หยุดห้ำหั่นประทุษร้ายทำลายกัน มองเพื่อนร่วมชาติประดุจพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน เพื่อแม่แห่งชาติ คือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ยอดมารดา อัครมหามิตร ผู้ทรงโอบอุ้มคุ้มครองเราทุกคนในเรือนหลังใหญ่ที่มีชื่อว่า ไทยมาเนิ่นนาน จักได้ทรงพระเกษมสำราญ ทรงเบาพระราชหฤทัยว่า ลูกไทยของพระองค์ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติด้วยความสมัครสมานสามัคคี

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า ในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา 12 สิงหาคม 2560 ขอเชิญชวนชาวไทยทุกหมู่เหล่าร่วมกิจกรรม ณ พระลานพระราชวังดุสิต ดังนี้ 1.ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร 851 รูป เวลา 07.00 น. 2.พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ในเวลา 19.29 น. สำหรับจังหวัดต่างๆ และในต่างประเทศ ขอให้พิจารณาจัดกิจกรรมตามแนวทางที่เคยปฏิบัติ หรือตามความเหมาะสม

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เป็นประธานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม เพื่อแสดงความจงรักภักดี โดยประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และตักบาตรพระสงฆ์ 86 รูป พิธีถวายราชสักการะ และถวายพระพรชัยมงคล นอกจากนี้ กองทัพบกจัดโครงการอุปสมบทหมู่ถวายเป็นพระราชกุศล 430 รูป วันที่ 4-24 ส.ค.

วันเดียวกัน ที่โรงเรียนเรียนพิศาลปุณณวิทยา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกชื่อดัง พร้อมด้วยนางสุดารัตน์ คูกิมิยะ หรือคุณแม่แก้ว มาร่วมกิจกรรมงานวันแม่แห่งชาติ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก และมีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณลูกดีเด่นให้แก่ณเดชน์ และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแม่ดีเด่นให้แก่คุณแม่แก้ว

ขณะเดียวกัน ที่ตลาดบ้านห้วยสัก ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชาวบ้านร้านตลาดต่างพากันชื่นชมความกตัญญูของลูกผู้หญิงแฝด 4 คน ช่วยเหลือแม่ชื่อนางเต็มดวง นำเครือ โดยทอดไก่ ปั้นข้าวเหนียวใส่ถุงขายหารายได้ ก่อนจะเดินทางไปเรียนหนังสือ โดยลูกแฝดทั้ง 4 คน อายุ 17 ปี ชื่อน.ส.ดัชนี หรือต้น, น.ส.มัชฌิมา หรือกลาง, น.ส.อนามิกา หรือนาง และน.ส.กนิษฐา หรือก้อย ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปวช. สาขาบัญชี วิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินทางไปเรียน สี่สาวฝาแฝดจะช่วยกันทอดไก่ แม่จะแบ่งให้ไปคนละ 100 บาท เป็นค่าข้าวค่าน้ำ มื้อเที่ยง ขณะที่นายเสนอ นำเครือ พ่อมีรายได้จากสวนปาล์ม 10 ไร่ เดือนละ 7,000 บาท แต่ไม่เพียงพอ อบต.ทรายทอง จึงช่วยเหลือให้เป็นลูกจ้างชั่วคราว มีรายได้เดือนละ 10,000 บาท โดยลูกทั้ง 4 คน อยากเรียนต่อในระดับปริญญาตรีด้านบัญชี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน