“จ่ายักษ์”พร้อมลูกน้อง 2 ผู้ต้องหาที่ยังเหลือคดีแก๊งพล.ต.อุ้มรีด20 ล้าน ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับสน.โคกครามแล้ว หลังมีข่าวหลบหนีไปกบดานอยู่ภาคใต้ พนง.สอบสวนเตรียมขอศาลออกหมายจับอีก 1 ผู้ต้องหา หลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดขณะก่อเหตุ รวมผู้ต้องหาทั้งหมด 11 คน ด้าน”บิ๊กปุย”ผบ.ทสส.ตั้งกก.สอบวินัย พล.ต.จรูญ-4 จ่าสห.กองทัพไทย สั่งโยก พล.ต.จรูญ เข้าประจำสนง.ผู้บังคับบัญชา ย้ำกองทัพไทยไม่ปกป้องกำลังพลที่ทำผิดกฎหมาย หากใครเข้าไปมีเอี่ยวในคดีนี้ต้อง ถูกลงโทษทางวินัยด้วยแน่นอน สั่งการผู้ที่เกี่ยวข้องหากจนท.ตำรวจขอข้อมูลรายละเอียดมาต้องให้ความร่วมมือการสอบสวนคดีอย่างเต็มที่ ปัดตอบการขยายผลคดีที่พบว่ามีนายทหารยศพล.ต.เป็นแก๊งทหารปล่อยเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ย่านดอนเมืองขอให้เป็นหน้าที่ของจนท.ตำรวจสืบสวนสอบสวนต่อไป

จากกรณี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. สนธิกำลังตำรวจท่องเที่ยวและสน.โคกคราม จับกุมพล.ต.จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. จ.อ.เสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์ จ.อ.อภิวัฒน์ ศรีนะพรม จ.อ.เทพพิทักษ์ รัดทะนี และจ.อ.ทรงวุฒิ เที่ยงธรรม ทั้ง 4 นาย สังกัดกรมสารวัตรทหารเรือ นายโอภาส ศรียา และนายโก๊ะ เต๊ก ชวน ชาวสิงคโปร์ ร่วมกันก่อเหตุอุ้มนายสุรชัย แซ่ย่าง นักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน ประธานบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ย่านซอยนวลจันทร์ และหุ้นส่วนสายการบินแห่งหนึ่ง ไปรีดเงินค่าคุ้มครองจำนวน 20 ล้านบาท ญาติเหยื่อ ต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท นายสุรชัยถูกปล่อยตัวหลังโอนเงินให้ เข้าร้องเรียนต่อพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กระทั่งมีคำสั่งให้พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 คน ยังขาดอีก 2 คน คือ ส.อ.อุทิศ ก่อแก้ว หรือจ่ายักษ์ ทหารนอกราชการ อดีตสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย และนายฐิติกร ชื่นอุรา ลูกน้องจ่ายักษ์ หลบหนีลงภาคใต้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 ส.ค. รายงานข่าวแจ้งถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัวส.อ.อุทิศ ก่อแก้ว หรือจ่ายักษ์ อายุ 50 ปี ทหารนอกราชการ สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย และนายฐิติกร ชื่นอุรา อายุ 38 ปี ชาวจ.บุรีรัมย์ ลูกน้องคนสนิท ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อมูลว่าได้หลบหนีไปกบดานอยู่ทางภาคใต้ ล่าสุดส.อ.อุทิศ และนายฐิติกร ได้ประสานเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.โคกครามแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ยังมีรายงานอีกว่าทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงสอบปากคำนายสุรชัยเพิ่มเติม จากนั้นได้ขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับบุคคลตามภาพถ่ายเพิ่มอีก 1 ราย เลขที่ 1828/2560 ลง 14 สิงหาคม 2560 ข้อหากรรโชกทรัพย์และบุกรุก คือชายแต่งกายสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า กางเกง ยีนส์ และสวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าซึ่งบุคคลที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ขณะทั้งหมดลงมือก่อเหตุ ซึ่งก็จะรวมผู้ต้องหาในคดีนี้เป็น 11 คน ซึ่งทางผู้เสียหายระบุว่าบุคคลดังกล่าวทำหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มผู้ต้องหารายอื่นๆ อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะออกหมายจับได้ใน 1-2 วันนี้

ในส่วนของการติดตามคนร้ายนั้น ทางตำรวจ 191 จะเป็นกำลังหลัก ซึ่งงานสืบสวนสน.โคกครามก็ไม่ได้ทิ้งไปเลยเสียทีเดียว ยังคงลงพื้นที่ออกหาข่าวเพื่อนำมารวบรวมกันกับตำรวจ 191 เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่เหลืออยู่มาดำเนินคดี งานหลักของสน.โคกครามตอนนี้คือการทำสำนวน รวบรวมพยานหลักฐานที่ได้ทั้งหมด มีทั้งพนักงานสอบสวนของสน.โคกคราม และมีพนักงานสอบสวนของกองปราบปรามมาช่วยอีกแรง ซึ่งน่าจะทำให้พนักงานสอบสวนสามารถทำสำนวนได้เร็วขึ้น

ด้านพล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชา การทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการกรณีที่พล.ต.จรูญ อำภา นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย รวมถึงทหารยศจ่าสังกัดกรมสารวัตรทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย 4 นาย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ เนื่องจากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอุ้มเรียกค่าไถ่นายสุรชัย แซ่ย่าง ประธานบริษัทคันต้า กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด และนายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ ผู้จัดการบริษัท เป็นเงิน 20 ล้านบาทว่า ตนได้สั่งการกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขอรายละเอียดในเรื่องใดมาก็ต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าง เต็มที่

“กองทัพไทยยืนยันว่าจะไม่ปกป้องกำลังพลที่กระทำความผิดทางกฎหมาย โดยในส่วนของกองทัพไทยเองก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทางวินัยด้วยเช่นกัน โดยจะดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะหากพบว่ามีความผิดนอกเหนือจากคดีอาญาแล้ว ทหารทุกคนที่เกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยด้วย แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยระหว่างที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนกรณีดังกล่าว ผมได้มีคำสั่งให้พล.ต.จรูญ มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานของผู้บังคับบัญชา เพื่อควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดระหว่างการสอบสวน” พล.อ.สุรพงษ์กล่าว

ทั้งนี้ พล.อ.สุรพงษ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการขยายผลว่าแก๊งทหารดังกล่าวเป็นแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ย่านดอนเมือง โดยพล.อ.สุรพงษ์ ระบุสั้นๆ ว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน