ตลกดัง โรเบิร์ต สายควัน ได้รับการเปิดเผยว่า ป่วยมะเร็งปอดและเข้ารับการรักษาตัว โดยมีเพื่อนตลก คอยดูแล โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ก.ย. เพิ่งมีการแถลงข่าว ว่า ไม่พบเชื้อมะเร็งแล้ว แต่พบเชื้อวัณโรคปอด โดยอยู่ในช่วงในยาไปเรื่อยๆ เพื่อฆ่าเชื้อ แต่ตอนนี้ร่างกายโรเบิร์ตอ่อนแอมาก เหลือปอดเพียงข้างเดียว และได้รับการเปิดเผยว่า โรเบิร์ต สายควัน เสียชีวิต อย่างสงบเมื่อคืนวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา

เพจ หมอเวร ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ วัณโรค ว่า “จากข่าวการสูญเสียตลกอัจฉริยะ โรเบิร์ต สายควัน ทำให้หลายคนตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องวัณโรคปอดมาก จะขอเล่าให้ฟังแบบละเอียด เผื่อว่าวันนึงเราอาจจะเจอกับตัวเองหรือเจอกับคนใกล้ชิดก็ได้ เพราะเจ้าโรคนี้มันติดกันโคตรง่ายเลยล่ะ

วัณโรคคือเชื้อแบคทีเรีย ชื่อในวงการเรียกสั้นๆว่า TB ติดต่อได้ผ่านระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก เช่นปอด หลอดลม หรือบริเวณหลังโพรงจมูกก็ได้ ซึ่งเชื้อตัวนี้มีขนาดที่เล็กมาก เลยทำให้แพร่กระจายได้โดยวิธี Airborne หรือติดกันได้ผ่านทางหายใจนี่แหละ คือถ้ามีคนเป็นวัณโรคนั่งอยู่ในห้องเดียวกันกับเรา แล้วเกิดไอจามขึ้นมา คนรอบข้างก็สามารถติดได้หมดเลย เพราะระยะแพร่กระจายมันฟุ้งกว่า Doplet มากอย่างที่บอก

ตัวเชื้อมันเอง เอาจริงๆ ถือว่าค่อนข้างอ่อนแอง่อยกระรอกต่อแสงแดดมาก เจอ UV ไม่เกิน 5 นาทีก็สิ้นซากแล้ว รวมเวลามักบุกรุกเข้ามาในร่างกายเรา ถ้าเราแข็งแรงดี เชื้อวัณโรคส่วนใหญ่เข้ามาแป็ปเดียวก็โดนภูมิคุ้มกันเราสอยเกลี้ยงแล้ว แต่ในมุมกลับกัน ถ้าร่างกายเราอ่อนแอมาก เชื้อวัณโรคมีแต่จะยิ่งเติบโตขึ้น เพราะภูมิคุ้มกันเราจัดการมันไม่ทันนั่นเอง

ฉะนั้นเรื่องสุขภาพมีผลต่อวัณโรคโดยชัดเจนนะ

เราจึงเห็นข่าวคนรอบตัวบ่อยครั้ง ว่าคนที่รักษาตัวอยู่รพ.นานๆ อาจเสี่ยงต่อการติดวัณโรคได้ เพราะมันแพร่ในอากาศได้ง่าย และคนที่อ่อนแออยู่ ภูมิในร่างกายจะกำจัดมันไม่ทันนั่นเอง ดังนั้นเราจึงเห็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV มักเสียชีวิตด้วยวัณโรคบ่อยครั้งหน่ะนะ

แต่ทว่า หลังร่างกายเรารับเชื้อวัณโรคไปแล้ว ใช่ว่าอีกวันสองวันจะแสดงอาการเลยหรอกนะ คนที่แข็งแรงหน่อยอาจใช้เวลาลากนานถึง 2 ปี กว่าจะแสดงอาการ แต่คนที่ร่างกายอ่อนแอ อาจใช้เวลาลุกลามในไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น

สำหรับคนที่อ่อนแอ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็จะไปเกาะกินระบบทางเดินหายใจ หลักๆก็มุ่งเน้นไปที่ปอดก่อนเลย เชื้อวัณโรคจะลงหลักปักฐานที่จุดใดจุดหนึ่งของปอดก่อน จากเมื่อมันกินเนื้อปอดจนยุ่ยแล้วก็จะขยายอาณาเขตต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าร่างกายเราจะหายใจเองไม่ไหว และเสียชีวิตลงได้ในที่สุดนั่นเอง

วิธีเช็คอาการเบื้องต้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็มักมีการไอต่อเนื่อง รวมถึงมีเสมหะไม่หายซักที บางรายหนักๆหน่อยอาจไอเป็นเลือดด้วยก็ได้ ส่วนเรื่องอาการเจ็บปอดหรือแน่นหน้าอกนั้นไม่ได้มีกันทุกเคสทุกรายนะ เพราะบางรายที่วัณโรคไปเกาะอยู่ในกลีบปอดส่วนลึกมากๆ กว่าจะแสดงอาการอีกที เชื้อก็ลุกลามไปใหญ่โตแล้ว ดังนั้นไปตรวจที่ รพ.ชัวร์สุดนะ

ปัจจุบันเราสามารถตรวจหาวัณโรคได้ 4 วิธีหลักๆด้วยกัน

การทำทูเบอร์คูลิน > เป็นการเทสที่ผิวหนัง ใครที่มีเชื้ออยู่ผิวก็จะบวมแดงให้เห็น ซึ่งในไทยไม่ค่อยวิธีวิธีนี้เท่าไหร่ เพราะคนที่เคยฉีดวัคซีนมาตรวจวิธีนี้ ผลก็ออกมาเป็นบวกได้เหมือนกัน ต้องตรวจด้วยวิธีอื่นต่ออีกทีอยู่ดี
การตรวจเลือด > ก็ไม่มีอะไรมาก ตรวจหาเชื้อโดยตรงนี่แหละ ซึ่งสามารถตรวจหาโรคได้แม้มีวัคซีนอยู่ในร่างกายก็ตาม
การเอ็กซเรย์ปอด > อันนี้นิยมทำมากที่สุด เพราะใช้เวลาน้อย และแพทย์สามารถมองเห็นเนื้อเยื่อปอดที่ถูกทำลายโดยวัณโรคได้เลย
การตรวจเสมหะหาเชื้อวัณโรค > นิยมเพาะเชื้อจากเสมหะเพื่อหาวัณโรคโดยตรง ปกติแล้วหากเอ็กซเรย์แล้วแพทย์พบความเสี่ยง ก็จะมาทำการเทสตัวนี้ต่อนั่นเอง และด้วยความที่วัณโรคมันแพร่กระจายได้ง่ายอย่างที่บอก

ดังนั้น ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา คนรอบตัวน้าเบิร์ตที่เคยแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนแกก็ควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินโรคกันด้วยนะ

เหมือนอย่างตอนเคสน้องน้ำตาล ที่เป็นวัณโรคหลังโพรงจมูก แพทย์ก็แนะนำให้คนรอบข้างมาตรวจกันนั่นแหละ ไม่รู้จำได้ไหม เพราะในสถิติคนที่ติดเชื้อ 10 คน จะมีเพียง 1-2 คนที่แสดงอาการป่วยเท่านั้น แต่เรื่องตรวจอันนี้ห่วงจริงจังนะ อย่ามองข้ามเชียว

ที่เล่าให้เห็นภาพความน่ากลัวมาทั้งหมดเนี่ย จะบอกว่าปัจจุบันวัณโรคหากเจอในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้นะ ไม่ต้องกลัว ฉะนั้นคนอย่างเราๆ ที่ไม่รู้ว่าวันๆนึงเราเสี่ยงไปเจอใครมาบ้าง ถ้ามีอาการเข้าข่ายสงสัยก็ควรไปตรวจ หรือถ้ามีคนสนิทเป็นก็ควรไปตรวจกันให้หมดนะ ให้หมอได้แชะภาพฟิล์มเอ็กซเรย์ปอดซักใบก็ยังดี

อย่างน้อยตรวจไม่เจอ ก็จะอุ่นใจไปได้อีกปีนึง หรือแม้ว่าตรวจเจอ หากเจอแต่เนิ่นๆ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาหายให้สูงขึ้นไปในตัวนั่นเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน