วิจารณ์เพียบ ตร.ยะหา จับมือผู้นำศาสนาตั้งกฎ ฮูกมปากัต จับชาย-หญิงที่ไม่ใช่สามีภรรยาแต่งงาน มีพฤติกรรม ชู้สาว เข้าพิธีแต่งงาน ‘อังคณา’ จี้สอบขัดรธน.หรือไม่

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียได้มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการทางสังคม ป้องกันเยาวชนวัยรุ่นชาย-หญิง ที่ไม่ใช่สามีภรรยากัน กระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยการจับคู่แต่งงาน ซึ่งข้อมูลดังกล่าว เป็นมาตราการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะหา จ.ยะลา ระบุว่า “ชาย/หญิง ที่มิใช่สามีภรรยามีพฤติกรรมจับคู่กันกระทำการใดๆ ลักษณะเชิงชู้สาวในที่สาธารณะหรือในที่ลับตาคน”

ตร.ยะหา จับมือผู้นำศาสนาตั้งกฎ ฮูกมปากัต จับชาย-หญิงที่ไม่ใช่สามีภรรยาแต่งงาน มีพฤติกรรม ชู้สาว เข้าพิธีแต่งงาน

ตร.ยะหา จับมือผู้นำศาสนาตั้งกฎ ฮูกมปากัต จับชาย-หญิงที่ไม่ใช่สามีภรรยาแต่งงาน มีพฤติกรรม ชู้สาว เข้าพิธีแต่งงาน

หากพบเห็นหรือจับได้ สถานีตำรวจภูธรยะหา และคณะกรรมการมัสยิดจะดำเนินการตามมาตรการทางสังคม ยุติธรรมทางเลือก หรือ ฮูกมปากัต 4 ฝ่าย ดังนี้ 1.นำส่งคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด เรียกผู้ปกครองเพื่อทำพิธีแต่งงานตามหลักศาสนาให้ถูกต้อง 2.ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย ในข้อหา “กระทำอนาจาร” หรือ “กระทำชำเรา” และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง”

หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง และตั้งคำถามว่า เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ และขัดต่อหลักกฎหมาย หรือ รัฐธรรมนูญ หรือไม่ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในขณะนี้

ล่าสุด นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงประเด็นดังกล่าว โดยมีใจความว่า ควรมีการตรวจสอบว่า คำสั่งหรือนโยบายของผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรยะหาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง และชอบด้วยคำสั่งทางปกครองหรือไม่ และยังอ้างถึงกฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวมรดก พ.ศ. 2489 ซึ่งใช้ใน 4 จชต.เป็นกฎหมายที่ครอบคลุมเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องการสมรส การสิ้นสุดการสมรส และการจัดการทรัพย์มรดก แต่ไม่ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ บุคคล หรือกลุ่มบุคคลใดในการบังคับให้หญิง หรือเด็กหญิงต้องแต่งงานโดยไม่สมัครใจ

อ่านโพสต์ทั้งหมด

นางอังคณา ระบุต่อว่า การบังคับแต่งงานเพื่อรักษาเกียรติของครอบครัวหรือชุมชน หรือแม้กระทั่งการจัดการความต้องการทางเพศของเยาวชนด้วยการบังคับแต่งงาน เป็นอีกสถานการณ์ที่กังวลเพราะจะทำให้ผู้หญิง เด็กหญิงตกอยู่ในภาวะขมขื่นไปตลอดชีวิต มีหลายกรณีที่หลังจากถูกบังคับแต่งงานไม่นานเกิดการหย่าร้าง ประเทศมุสลิมหลายประเทศ รวมถึงองค์การความร่วมมืออิสลาม (OC) เสนอว่าประเทศมุสลิมต้องแก้ไข โดยให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น และให้ทั่วถึงมากขึ้น

นางอังคณา ระบุอีกว่า รวมถึงสร้างสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็ง ให้พ่อแม่สามารถมีเวลาเอาใจใส่ครอบครัว กรณีครอบครัวใน จชต. พบว่าครอบครัวเป็นลักษณะ ผัวเดียวหลายเมีย เนื่องจากชายมีภรรยาได้ 4 คน ทำให้ไม่มีเวลาดูแลลูก ๆ ได้ทั่วถึง การบังคับเด็กแต่งงานจึงไม่ใช่ทางออกของปัญหาแต่กลับจะสร้างปัญหามากขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ที่แสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ ก็มีทั้งที่เห็นด้วยกับมาตราการดังกล่าว หรือบ้างก็อ้างว่า อาจจะเป็นเพียงมาตราการที่ต้องการปรามและป้องกัน แต่คงไม่ถึงกับการจับคู่แต่งงานกันจริง นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่แสดวความคิดเห็นบางรายระบุว่า มาตราการดังกล่าว อาจจะเป็นการส่งเสริมให้กลุ่มมิจฉาชีพ เอาไปเป็นช่องทางทำมาหากินด้วยการแอบอ้าง ข่มขู่ เรียกทรัพย์สิน คู่หนุ่มสาวที่อาจจะตกเป็นเหยื่อ

ด้าน พ.ต.อ.สายูตี กาเตะ ผกก.สภ.ยะหา ได้โพสต์ภาพและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะหา ผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังมีมาตราการดังกล่าว โดยระบุว่า “วัยรุ่น หนุ่มสาว มุสลีมีน มุสลีมะห์ หายหมดแล้วครับกับมาตราการทางสังคม สภ.ยะหา และชมรมอีหม่ามประจำอำเภอยะหา (อยู่บ้านกันนะครับปลอดภัยที่สุด)”

สำหรับ ฮูกมปากัต คือ กฎเกณฑ์ของหมู่บ้าน หรือเรียกว่า กฎหมายชุมชน ที่เกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน เอกชน ร่วมกันทำสัญญามติร่างกฎกติกากฎเกณฑ์ของหมูบ้านหรือระเบียบปฏิบัติติตามแนวทางที่ดีขึ้นและสร้างสรรค์และโดยไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน