บิ๊กแป๊ะแถลงจับใหญ่ หนุ่มขนยาไอซ์ 508 ก.ก. มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท หลังตร.สภ.สีดา โคราช จับได้ เผยก่อนเกิดเหตุตั้งด่านตรวจเจอปิกอัพโตโยต้ามีพิรุธ พยายามกลับรถหลบหนีด่านตรวจ จนต้องไล่สกัด สุดท้ายไปไล่เจอ จอดรถทิ้งที่สภ.บัวใหญ่ ขณะที่ตามรวบหนุ่มแสบได้ที่สถานีรถไฟขณะกำลังรอรถหลบหนี เจ้าตัวสารภาพรับจ้าง 2 หมื่นบาทจากนายทุนที่นครพนมลักลอบขนส่งยาเสพติด แต่ลักลอบเปลี่ยนเส้นทางจากภาคเหนือไปใช้เส้นทางอีสานเพื่อหลบหนีความเข้มงวดของตำรวจ พร้อมล่าตัวนายทุนมาดำเนินคดี

เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รรท.ผบช.ภ.3 พร้อมชุดสืบสวน บช.ภ.3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงผลการจับกุมนายทินกร หรือ โอเล่ ค่อมสิงห์ อายุ 30 ปี ชาว ต.พระทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พร้อมของกลางยาไอซ์กว่า 508 กิโลกรัม มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท

สำหรับการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ สภ.สีดา จว.นครราชสีมา เวลา 00.00-03.00 น. จนท.ตั้งจุดตรวจจุดสกัด พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า หลังคาแครี่บอย แสดงพิรุธไม่ยอมเข้าจุดตรวจและกลับรถหนีก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัด จึงติดตาม แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืนทำ ให้ไม่สามารถติดตามจนพบได้ ซึ่งสภ.สีดา ประสานไปยังสภ.ต่างๆ พื้นที่ใกล้เคียงร่วมติดตามรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว และให้ประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนเพื่อช่วยในการแจ้งเบาะแส

ต่อมาในเวลา 12.50 น. วันที่ 16 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ รับแจ้งจากประชาชนว่าพบรถยนต์ที่มีลักษณะเดียวกันกับที่แจ้งข้อมูลไว้จอดทิ้งในบริเวณข้างวัดหนองเซียงโข่ ต.กุดจอก อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา และพบชายไทยไม่ทราบชื่ออีก 2 คนเดินอยู่ลักษณะที่มีพิรุธ

ต่อมา สภ.บัวใหญ่ สนธิกำลังตรวจค้นรถยนต์กระบะคันดังกล่าว พบยาเสพติดประเภทสารไอซ์ในรูปแบบแท่งขนาด 1 กิโลกรัม 508 แท่ง บรรจุอยู่ในกระสอบถุงปุ๋ย 11 ถุงปุ๋ย ซุกซ่อนอยู่บริเวณแค็บและในกระบะหลังคาแครี่บอย จึงให้วิทยาการจังหวัดเก็บลายพิมพ์นิ้วมือ ตัวอย่างดีเอ็นเอไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงพบชายต้องสงสัย ทราบชื่อภายหลังว่านายทินกร หรือ โอเล่ ค่อมสิงห์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ 74 ม.2 ต.พระทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่บริเวณสถานีรถไฟบัวใหญ่

จากการตรวจสอบหลักฐานกล้องวงจรปิดและสอบสวนผู้ต้องสงสัย สารภาพว่าร่วมกับนายบี (ไม่ทราบนามสกุล) รับจ้างจากนายทุนยาเสพติดให้ขับรถยนต์บรรทุกยาเสพติดดังกล่าวจากจ.นครพนม ยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง เนื่องจากนายทุนยาเสพติดจะสั่งการว่าให้ขับรถยนต์ไปเส้นทางใดเป็นระยะๆ โดยใช้เส้นทางนครพนม-สกลนคร-กาฬสินธุ์-มหา สารคาม-บ้านไผ่-เมืองพล-สีดา โดยได้ค่าจ้าง 20,000 บาท ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายบี (ไม่ทราบนาม สกุล) และนายทุนยาเสพติดที่หลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป โดยของกลางดังกล่าวหากนำไปจำหน่ายให้กับผู้เสพจะมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า คนร้ายมักเป็นกลุ่มเดิมๆ เช่น กลุ่มว้าใต้ กลุ่มว้าเหนือ มีประมาณ 5-7 กลุ่ม ซึ่งเจ้าหน้าที่สกัดกั้นการลำเลียงมาโดยตลอด แต่คนร้ายก็พยายามเบี่ยงเส้นทางเลี่ยงการตรวจค้น โดยเฉพาะการขนยาเสพติดที่มีจำนวนมากๆ ก็จะมีจุดอ่อนและจุดแข็ง สำคัญที่สุดคือแพ็กเกจที่ห่อยาเสพติดที่ใช้ตบตาเจ้าหน้าที่ สำหรับปัญหายาเสพติดตนได้นำเรียนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ทราบเป็นระยะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามหามาตรการเพื่อเฝ้าระวังมาโดยตลอด

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า เดิมทีการลำเลียงยาเสพติดมักพบในพื้นที่ภาคเหนือ แต่หลังจากที่ผบ.ตร.มีคำสั่งปรับแผนเพิ่มมาตร การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนภาคเหนือทำให้คนร้ายเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงอ้อมผ่านมาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแทน ข้ามมาจากประเทศลาว มีปลายทางลำเลียงออกไปทางทะเลภาคใต้ผ่านไปยังประเทศมาเลเซีย และกระจายไปสู่ ประเทศอื่นๆ อาทิ ออสเตรเลีย ไต้หวัน เป็นต้น เมื่อยาเสพติดถูกลำเลียงไปประเทศที่สามแล้วจะทำให้มีมูลค่าเพิ่มถึงหมื่นล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน