ลูกชายพิการปู่คออี้ ขอกลับป่า ใจแผ่นดิน ให้หลานช่วยแบกขึ้นเขา ลั่นหากถูกบังคับลงมาพร้อมยอมตาย จวกจนท.รัฐ ผิดข้อตกลง อ้างชาวบ้านรุกป่าเพิ่ม

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

วันที่ 22 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ. นายพชร คำชำนาญ คณะทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า เมื่อตอนที่ไปชุมนุมที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้มีบันทึกข้อตกลงว่าจะไม่คุกคามชาวบ้านและถอนกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแก่งกระจานและชุดพญาเสือออกจากพื้นที่หมู่บ้านบางกลอย ทำให้ชาวบ้านเบาใจได้ระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่พวกตนเดินทางมาลงพื้นที่และประชุมร่วมกับหลายฝ่ายตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์จนถึงวันนี้

ปรากฏว่ามีคนที่ไม่ได้เป็นคณะทำงานรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมประชุมด้วย และได้มีการคะยั้นคะยอให้พวกตนขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปบินดูพื้นที่ในแผ่นดินซึ่งชาวบ้านอพยพกลับไปอยู่และได้มีการถางไร่ซากเดิมไปแล้วหลายแปลง และล่าสุดได้มีไร่หมุนเวียน 2 แปลงที่เผาแล้ว ซึ่งคนกลุ่มดังกล่าวได้ถ่ายภาพและพยายามให้ข่าวโจมตีชาวบ้าน โดยบางคนได้ร้องเรียนกกระทรวง ทส.เพื่อให้จับกุมชาวบ้าน พร้อมกับข่มขู่ว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการอาจมีความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

“ ที่เขาพยายามบอกว่าชาวบ้านขยายพื้นที่ไร่หมุนเวียนเเพิ่มนั้น จริงๆ ไม่ได้เพิ่ม ชาวบ้านถางไร่ก่อนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ก่อนไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบเสียอีก ส่วนการเผาไร่ก็เป็นขั้นตอนหนึ่งของวิถีการทำไร่หมุนเวียนซึ่งชาวบ้านได้จัดทำแนวกันไฟไว้หมดแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงและอนุรักษ์สุดโต่งพากันไปร้องเรียนไปที่ปลัด ทส. เรารู้สึกว่าชาวบ้านไม่ได้ทำผิดกฎกติกาใดๆเลย เมื่อคุณบอกให้เขาหยุดขยายพื้นที่ เขาก็หยุด แต่เจ้าหน้าที่กำลังผิดข้อตกลง เราทราบข่าวมาจากข้าราชการระดับสูงในกรมอุทยานฯรายหนึ่งว่า อุทยานฯกำลังสนธิเพื่อขึ้นไปดำเนินการกับชาวบ้านโดยอ้างภาพถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์”นายพชร กล่าว

นายพชร กล่าวว่า ในหลายวันที่ผ่านมาเราการทำงานร่วมกันเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง เพราะอยากให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อใช้แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน แต่หากมีการสนธิกำลังเพื่อเล่นงานชาวบ้านเช่นนี้ทำให้ทำงานร่วมกันลำบาก และจะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้หรือไม่ ขณะนี้ทุกฝ่ายที่ติดตามการแก้ปัญหาของชาวบ้านบางกลอยกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด หากรัฐเลือกใช้วิธีการรุนแรงคงทำงานร่วมกันลำบาก และกลุ่มเซฟบางกลอยก็จะต้องรวมตัวกันอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อคืนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยงคืน นายหน่อแอะ มีมิ ลูกชายของปู่คออี้ ได้ให้หลานๆ 3-4 คนพาเดินทางขึ้นไปหมู่บ้านบางกลอยบนเพื่อสมทบกับชาวบ้านที่อพยพขึ้นไปก่อนหน้านี้ โดยนายหน่อแอะ ซึ่งป่วยเป็นโรคเส้นประสาทอักเสบ ทำให้ขาทั้งสองข้างไม่มีแรง และเดินไม่ได้ต้องให้หลานๆผลัดกันแบกไป

ทั้งนี้ นายหน่อแอะ เคยให้สัมภาษณ์ยืนยันหลายครั้งว่า ต้องการกลับไปอยู่บ้านพ่อ(ปู่คออี้)ที่หมู่บ้านบางกลอยใจแผ่นดินและจะไม่ยอมกลับลงมาอีกแล้ว หากถูกเจ้าหน้าที่บังคับก็พร้อมผูกคอตาย

วันเดียวกันผู้แทนสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในนามสมาชิกขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ เดินทางเข้าพื้นที่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยล่าง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เพื่อนำข้าว 10 กระสอบ อาหาร น้ำ และเครื่องใช้ส่วนตัวอื่นๆ มอบให้ชุมชน เพื่อช่วยเหลือกลุ่มชาวบ้านบางกลอย

โดยนายธีรเนตร ไชยสกุล ผู้แทนสกต. กล่าวว่า ตนมาเป็นกำลังให้ชาวบ้านบางกลอย เพราะรู้ว่าชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ที่ถูกผลักดันลงมาแล้วในปี 2539 และ 2554 แล้วก็กลับขึ้นไปใหม่เมื่อต้นปีนี้ แต่ว่าความเป็นอยู่ตอนนี้เรื่องการเพาะปลูกก็ไม่ดี และมีสถานการณ์ที่มีเจ้าหน้าที่พยายามเข้ามาผลักดันชาวบ้านออกไปอีก ตนได้ติดตามข่าวทางโซเชียลมีเดียอยู่และกำลังจับตากันอยู่ จึงย้ำว่าเมื่อมีบันทึกข้อตกลงร่วมกับรัฐมนตรี ทส.และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แล้วก็ควรปฏิบัติตามนั้น

“หน่วยงานที่เข้ามาโดยเฉพาะอุทยานฯ ต้องเข้ามาดู เขาอยู่ในพื้นที่มาแล้วเป็นร้อยๆ ปี ป่าก็ยังอยู่ได้ ถ้าให้เขาอยู่ไปอีก เขาก็รักษาไปอีก การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการด้วยความเข้าใจตรงนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ยึดหลักการเจรจาในการแก้ไขปัญหา ถ้าเจ้าหน้าที่ยึดแต่กฎหมาย มันจะอยู่กันไม่ได้ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็จะอยู่ลำบาก” ธีรเนตรย้ำ

ด้านนายสุชาติ ต้นน้ำเพชร ชาวบ้านบางกลอย กล่าวว่าตนรู้สึกดีใจมากที่พี่น้องเห็นความยากลำบาก ตนไม่เคยเห็นหน้าเขา แต่น้ำใจเขามีมากขนาดนี้ พูดอะไรไม่ออกนอกจากบอกว่าขอบคุณมากๆ ที่ผ่านมาชาวบ้านลำบากมากเรื่องการกิน เรื่องข้าว ไปทำงานข้างนอกไม่ได้

“อยู่ที่นี่งานไม่มี ปลูกข้าวก็ไม่ค่อยขึ้น ข้าวสารขาดแคลนมาก จะออกไปทำงานข้างนอกก็ไม่ได้จากสถานการณ์โควิด เรารู้สึกดีใจที่พี่น้องได้กลับขึ้นไปบางกลอยบน ถ้าเป็นไปได้ เราอยากให้เขากลับขึ้นไปแล้วอยู่ได้ ใช้ชีวิตวิถีวัฒนธรรมแบบเดิม ส่วนใหญ่ที่เขากลับขึ้นไปเพราะที่ทำกินไม่มี สภาพข้างบนตอนนี้กำลังร้อนจัด ยังไม่มีข้าวกิน กำลังรอทำไร่อยู่ปีนี้ ถ้าทำได้ก็จะมีข้าวกิน” นายสุชาติกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน