นายกฯหย่าศึกคนไทย อย่าไล่ล่าคนไม่ใส่เสื้อสีดำ ยันทุกสีจงรักภักดี แต่อยู่ที่ความพร้อมของแต่ละคน หากเห็นใครไม่พร้อมให้ความช่วยเหลือเขาดีกว่า เพราะพนักงานห้างร้านก็ต้องใส่เครื่องแบบทำงาน แต่ก็สามารถติดริบบิ้นไว้ทุกข์ได้ ขณะที่ทีมโฆษกคสช.สั่งห้ามล้อมกรอบทำร้ายกันเอง ระบุหากพบกรณีหมิ่นเหม่ให้แจ้งตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายดีกว่า บิ๊กต๊อกเดินหน้าขอตัวคนโพสต์หมิ่นที่อยู่ต่างประเทศกลับไทย แต่ยังไม่คืบเพราะต้องเคารพกฎหมายประเทศเขา ชี้กรณีที่ภูเก็ตเป็นมาตรการทางสังคม ย้อนเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแล้ว 5 ครั้ง ทั้งที่ภูเก็ต พังงา สมุย ส่วนที่กทม.หญิงสาวตบหน้าป้าหาว่าหมิ่น แต่ที่จริงป่วยเป็นจิตเภท ที่ชลบุรีบุกอุ้มจากหอพักมาขอขมาพระบรมฉายาลักษณ์

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงหลังการประชุมครม. ว่า ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกวดขันระมัดระวังการแพร่ภาพหรือข้อความที่เข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ยุยงให้เกิดความแตกแยก และทำให้เกิดผลสะเทือนจิตใจของประชาชนในช่วงนี้ ดังนั้นขอความร่วมมืออย่าแพร่ภาพ หรือข้อความดังกล่าวต่อไปเป็นอันขาด เพราะจะเป็นการเหยียบย่ำจิตใจคนไทย และผิดกฎหมายด้วย ขอให้ระมัดระวัง เพราะไม่อยากจะใช้กฎหมายในช่วงนี้ จึงต้องขอความร่วมมือทุกคน ซึ่งคงเข้าใจแล้ว ตนเห็นแต่อย่าไปสร้างความขัดแย้งกันอีก ไม่ใช่ว่าจะใช้มาตรการรุนแรงอะไร แต่มีกฎหมายอยู่แล้วทำอย่างไรเขาจะเข้าใจและไม่ทำ ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ เราต้องรวมพลังกันให้ได้ อาจจะเกิดจากการเข้าใจผิด แต่จะตั้งใจหรือไม่ต้องไปดูกันให้ดี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขออย่าไปติติงคนไม่ใส่เสื้อดำว่าไม่รักพระเจ้าอยู่หัว เดี๋ยวก็ตีกันอีก พอได้แล้ววันนี้ไม่มีสักสี วันนี้เป็นสีแห่งความจงรักภักดี เชื่อว่าทุกคนอยากมาด้วยใจ เขาพร้อมแค่ไหนก็ ให้เขามา ถ้าเขายังไม่พร้อมตรงไหน เราก็ไปช่วยเขาไม่ดีกว่าหรือ บางครั้งข้าราชการ พนักงานต่างๆ แอร์โฮสเตส เขาก็ต้องทำงาน เครื่องแบบอาจมีสีสัน ก็ติดริบบิ้นได้ แต่ถ้านอกเวลาเขาก็ใส่ชุดดำอยู่แล้ว ทุกคนรู้หน้าที่ ไม่ใช่ไปคอยไล่ล่าใครใส่ไม่ใส่ เดี๋ยวมีปัญหาอีก

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบ ว่าขณะนี้มีความเข้าใจเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติในการสืบราชสันตติวงศ์ ซึ่งสื่อต่างประเทศยังไม่เข้าใจและมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนไทย กรมประชาสัมพันธ์ จะประสานกับสถานีโทรทัศน์และกระทรวงการต่างประเทศเพื่อถอดคำแปลการชี้แจงของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้กับสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่ในช่องทางที่เหมาะสม รวมทั้ง NBT World ขณะเดียวกัน มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพระราชพิธีจากกรมประชาสัมพันธ์ สามารถติดตามข้อมูลได้อย่างถูกต้อง โดยติดต่อที่ 0-2618-3600 มี 10 คู่สาย โทรสาร 0-2618-3667 และเว็บไซต์ www.prd.go.th และอีเมล์ prdcenter [email protected]

พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสมช. กล่าวกรณีมีการปลุกกระแสและเผยแพร่ข้อความบิดเบือนต่างๆ เกี่ยวกับสถาบันทางโซเชี่ยล ว่า เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงระวัง เพราะโซเชี่ยลมีเดียกลายเป็นสิ่งที่คนที่ไม่รับผิดชอบ ใช้เขียนอะไรขึ้นมาก็ได้ เขียนมาเพื่อสร้างความวุ่นวาย ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณและอ่านข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐ เพราะกลุ่มที่ออกมาบิด เบือนเป็นกลุ่มต่อต้านเดิมที่ไม่หวังดีต่อประเทศ ซึ่งเราติดตามอยู่ตลอด เว็บไซต์ใดที่เราบล็อกได้เราก็จะดำเนินการ หากประชาชนทราบเบาะแสขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เรียกอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) มาคุยแล้ว ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจัดตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา 112 โดยให้อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะฝ่ายเลขาฯ ติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศ และมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการต่างประเทศ ทำงานร่วมกัน โดยอธิบดีดีเอสไอ จะประสานงานกับชุดของศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ที่จะมอนิเตอร์เรื่องการหมิ่นสถาบัน โดยรายชื่อทั้งหมดเป็นกลุ่มเก่าประมาณ 6-7 กลุ่ม ซึ่งให้ตรวจสอบว่ากลุ่มเหล่านี้อยู่ในประเทศใดบ้าง เพื่อประสานสถานทูตประเทศนั้นๆ เพื่อขอข้อมูล โดยให้เหตุผลว่าเป็นการขอความเห็นใจในฐานะมิตรประเทศ และความรู้สึกเคารพต่อกัน โดยไม่ให้ละเมิดกฎหมายประเทศนั้นๆ ซึ่งทำมาตลอด แต่การให้เขาส่งตัวกลับมานั้นไม่ง่าย ต้องเคารพอำนาจอธิปไตยของเขา

เมื่อถามถึงการแสดงความเห็นที่ไม่เหมาะสมที่จ.ภูเก็ต จะดูแลอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่ามาตรการทางสังคม

เมื่อถามว่ากระทรวงยุติธรรม ติดตามการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศอย่างไรบ้าง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า สั่งการให้ดีเอสไอประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ ในการติดตามดูแล ขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่ามีสื่อต่างประเทศที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะ เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศติดตามอยู่

ที่บก.ทบ. พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันความรุนแรงที่เกิดจากกลุ่มคนที่เข้าไปล้อมกรอบบุคคลที่โพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่าเท่าที่ตรวจสอบพบว่าเกิดเหตุดังกล่าวแล้ว 3 กรณี ที่ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และพังงา คสช.มีความเป็นห่วงว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลและดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย โดยใช้มาตรการที่เหมาะสม รวดเร็ว แยกตัวบุคคลที่โพสต์หมิ่นออกมาเพื่อไม่ให้ถูกทำร้าย

ในขณะนี้คงไม่มีใครอยากเห็นคนไทยใช้กำลังทำร้ายกัน หรือทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ ระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการนำบุคคลนั้นไปขอขมาในสถานที่ที่ล่อแหลม เสี่ยงที่จะถูกทำร้าย หากเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยก็ควรเลือกเวลาที่เหมาะสมในห้วงเวลาอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อกลางดึกวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนมากไปชุมนุมที่ร้านน้ำเต้าหู้แห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต เนื่องจากอ้างว่าไม่พอใจที่ลูกชายเจ้าของร้านโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กลักษณะที่ไม่เหมาะสม แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอให้ไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ก็ยังมีการชุมนุมพร้อมเขียนป้ายโจมตีด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนร้านดังกล่าวต้องปิดให้บริการ ขณะที่หนุ่มที่โพสต์ข้อความสาบานให้มีอันเป็นไป ว่าเป็นการโพสต์ข้อความหลักธรรมทางศาสนา ไม่ได้คิดร้ายกับสถาบัน

ส่วนที่ จ.พังงา เมื่อกลางดึกวันที่ 15 ต.ค. ประชาชนนับร้อยคนไปชุมนุมหน้าร้านโรตีชาชักแห่งหนึ่งในอ.ตะกั่วทุ่ง เพื่อตามหาลูกชายเจ้าของร้าน ที่เป็นทหารเกณฑ์ โดยกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง ขณะที่ตำรวจขอให้ผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดี แต่ชาวบ้านไม่ยอมโดยจะให้นำตัวชายดังกล่าวมาขอขมา จนกระทั่งทหารเรือจากฐานทัพเรือพังงา และฝ่ายปกครองเข้าชี้แจงและรับปากจะสอบสวนโดยใช้เวลา 15 วัน แล้วจะนำผลสรุปมาแจ้งให้ทราบ ทำให้ประชาชนพอใจ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนจะสลายตัวไป

ที่อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ชาวสมุยกว่า 1 พันคน รวมตัวกันหน้าสภ.บ่อผุด มุงดูหญิงที่ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความผิดมาตรา 112 และถูกตำรวจเกาะสมุยจับกุมได้ที่ท่าเรือท้องกรูด แล้วนำมากราบขอขมาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ จากนั้นคุมตัวไว้และส่งฟ้องในความผิดมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ในกทม. เกิดเหตุหญิงชุดดำโวยวายว่ามีหญิงสูงอายุใส่ชุดสีฟ้า นั่งรถเมล์แล้วพูดจาไม่เหมาะสมมาตลอดเส้นทาง เข้าแจ้งตำรวจสน.นางเลิ้ง ขณะที่ตำรวจสอบถามถึงหลักฐาน ก็อ้างว่าถ่ายไม่ติด และตรงเข้าไปตบหน้าหญิงชราดังกล่าวอย่างรุนแรง

โดยร.ต.ท.วีระยุทธ ศรีสุพัฒน์ รอง สว.(สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เปิดเผยว่าจากการสอบสวนพบว่า หญิงชราคนดังกล่าวเป็นผู้ป่วยอาการทางจิตเนื่องจากมีผลกระทบมาจากประสบปัญหาด้านธุรกิจล้มละลายซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาตัว โดยปกตินั้นจะมีอาการเพ้อให้ร้ายผู้อื่น และส่งเสียงดังอยู่ตลอดเวลาและมักจะหนีออกจากบ้านอยู่เป็นประจำ ซึ่งเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ญาตินำมารดาที่ป่วยเป็นอัมพาตไปพบแพทย์ จึงต้องปล่อยให้หญิงคนดังกล่าวอยู่บ้านเพียงลำพัง ก่อนจะหนีออกไปอีกครั้ง จึงประสานให้ญาตินำหลักฐานเรื่องการรักษาตัวมาแสดงเพื่อยืนยัน จนทราบว่าเป็นผู้ป่วยอาการทางจิต อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เข้ารับการรักษามานานกว่า 10 ปี

ขณะที่วันที่ 18 ต.ค. มีการเผยแพร่ภาพวิดีโอ เหตุการณ์ในอ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เป็นกลุ่มชาวบ้านไม่พอใจชายคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าโพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะไม่สมควร บุกเข้าคุมตัวจากบ้านพัก แล้วลากออกมา ก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ พร้อมทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ หน้าตาปูดบวม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน