เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา นายแพทย์กรพรหม แสงอร่าม หรือ หมอต้วง อดีตกัปตันการบินไทย และศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสาเหตุที่ลาออกจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่กำลังอยู่ในช่วงแผนฟื้นฟูกิจการ และมีการประเมินเพื่อคัดพนักงานออก ว่า “main course ตามสัญญา คำไหนคำนั้น ‘เกือบตายโหงทั้งลำ ที่มาเก๊า’ ก่อนอ่าน ทำใจเป็นกลาง ไม่ต้องเข้าข้างใครทั้งนั้น”
ก่อนจะเริ่มชี้แจงว่าตนนั้นไม่ได้ตีโพยตีพาย เพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ให้ตนเอง เพราะตนลาออกเองและได้รับการอนุมัติแล้ว ที่ตนออกมาเล่าเรื่องเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ถูกประเมินคนอื่น ๆ ที่ยังต้องอยู่ในองค์กรต่อไป และเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตนคิดว่านี่คือระบบที่ตนคิดว่าไม่สมบูรณ์ และเขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการนำข้อมูลการสั่งน้ำมันเพิ่มมาหักคะแนน โดยพิจารณาไม่ครบทุกมิติ
โดยสามารถระบุย่อพอเข้าใจได้ดังนี้ ในอดีตที่ตนยังเป็นนักบินที่มีประสบการณ์น้อยตน ได้ออกบินไฟล์ทกรุงเทพ-กวางเจา จึงได้สั่งน้ำมันแบบ “Minimum fuel” (จำนวนเชื้อเพลิงต่ำสุด) เพราะจะได้ไม่หนักเครื่อง ประหยัดเงิน และทำทุกอย่างตามที่สำนักงานคำนวณมา ซึ่งมักจะมีปริมาณเพื่อไว้มากกว่าที่ต้องใช้จริงๆ ตามกฏการบินไม่มากนัก และมีน้ำมันสำรองบินวนได้อีกประมาณ 30 นาที ซึ่งน้ำมันสำรองนี้เป็นไปได้อย่าใช้จะดีมากเพราะอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ และอาจถึงขั้นติดคุก
ในวันที่เกิดปัญหาดังกล่าวเขาได้ทำการร่อนเครื่องลงที่กวางเจา (ซึ่งมีพยากรณ์ว่าอากาศเเจ่มใส) แต่ในวันนั้นกลับมีพายุเข้า และไม่สามารถบินวนได้เพราะไม่มีน้ำมันมาเผื่อให้วน แม้พยายามที่จะลงจอดก็ไม่สามารถทำได้เพราะมองไม่เห็นสนาม จึงได้เปลี่ยนเป้าหมายจะบินไปลงที่ฮ่องกงแทน ก่อนจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่อีกครั้งเพราะ ‘น้ำมันไม่พอ’ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาได้เติมน้ำมันมาตามกำหนดทุกอย่าง ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
แต่โชคยังดีที่นักบินอีกคนพบว่าใกล้ ๆ ยังมีสนามบินมาเก๊าอยู่อีกแห่ง จึงได้ตัดสินใจที่จะลงจอดที่นั้นแม้ว่าจะมีอุปสรรคเรื่องสภาพอากาศและเครื่องนำร่องลงสนามแบบโบราณ ทำให้เกิดข้อจำกัดและปัญหาขึ้นมากมาย แต่ในวันนั้นก็สามารถนำเครื่องลงได้สำเร็จ เมื่อเติมน้ำมันและเมื่ออากาศเปิดก็พาผู้โดยสารไปส่งที่กวางเจาได้สำเร็จ
พอจบประสบการณ์สุดระทึกไปได้ เขาจึงเขียน Air safety report ตามกฏการบิน ส่งไปว่าเขาได้ทำตามข้อกำหนดทุกอย่าง ทำไมน้ำมันจึงไม่พอ และได้ผลสอบสวนสรุปมาว่าความผิดผลาดดังกล่าวเกิดขึ้นที่สำนักงานภาคพื้นดิน ที่เตรียมแผนการบินโดยคอมพิวเตอร์ โดยตัวคอมได้คำนวนน้ำมันไปยังสนามบินสำรอง (ฮ่องกง) โดยการลากเส้นตรงจากกวางเจาไปฮ่องกงเลยทันที ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยในสถานการณ์จริง
ทำให้หลังจากนั้นเวลาจะบินเขาจะสั่งน้ำมันเกินกว่าที่เค้ากำหนด ไฟล์ทละ 1-2 ตันเสมอ ถึงแม้ว่าจะมีการแจ้งมาในภายหลังว่าได้เพิ่มน้ำมันให้แล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถไว้วางใจได้อีก โดยให้เหตุผลว่าครั้งเดียวก็เกินพอ และจากการที่เขาสั่งน้ำมันเพิ่มนั้นส่งผลให้เขาเป็นกัปตันที่ได้คะแนนประเมินการสั่งน้ำมัน ได้ 1.13/10 ในการคัดคนออกจากองค์กร แม้ว่าคะแนนรวมอื่น ๆ จะทำให้เขายังอยู่ต่อได้ แต่เขาก็ไม่อาจทนความอับอายไหว จึงเลือกที่จะลาออกมาเอง
ก่อนจะทิ้งท้ายว่าหากผู้อ่านอ่านเกิดจนมาถึงบรรทัดนี้ ผมคิดว่าคุณคงเห็นด้วยบ้างไม่มากก็น้อย ว่าเกณฑ์ที่ใช้ตัดสินว่าใครจะได้อยู่ต่อนั้นเป็นเรื่อง ‘น้ำมัน’ มันม่เป็นธรรมกับกัปตันดี ๆ คนอื่น เพราะเรื่องน้ำมันต้องดูบริบทอื่นประกอบด้วย การแชร์จะช่วยให้ความเป็นธรรมกับกัปตันดี ที่ซื่อสัตย์ในวิชาชีพที่ได้รับผลกระทบแบบตน ไม่เช่นนั้น ‘คุณอาจเป็นหนึ่งในผดส ไฟล์ทเหียกๆ แบบนี้เสียเอง’ ส่วนตนนั้นคงไม่มีวันกลับไปทำงานที่นั่นกับคนเหล่านั้นอีกแล้ว
ที่มา : Kornprom Saengaram