“น้องจูน”เน็ตไอดอลที่รับ จ๊อบเป็นรปภ. ออกจากไอซียูแล้ว หลังชนท้ายพ่วง 18 ล้อ ที่คลองสองปทุมฯ พ่อเผยยังมีอาการสมองบวม ต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิด เล่าอีกมีจิ้งจกตกใส่เหมือนเป็นลางบอกเหตุร้าย ยังห่วงอาการลูกสาวมาก ส่วนเรื่องคดียิ่งกังวลเพราะยังไม่สอบฝ่ายผู้เสียหายเลย ด้าน ผบช.ภ.1 สั่งรองผู้การลงพื้นที่สภ.ประตูน้ำจุฬาภรณ์ สอบทั้ง 2 ฝ่าย

จากกรณีที่ น้องจูน หรือ น.ส.วัลย์ลดา กันตพลจรัณธร อายุ 21 ปี เน็ตไอดอลชื่อดังที่ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอม หารายได้เสริมด้วยการเป็น รปภ. ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรังสิต ประสบอุบัติเหตุระหว่างนั่งอยู่บนรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 4 กภ 7135 กทม. ชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อนิสสัน สีเทา หัวพ่วงทะเบียน 75-9079 กรุงเทพฯ บริษัท ปรีชาทรานสปอร์ต จนได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณจุดกลับรถมาลีวัลย์ (คลองสอง) มุ่งหน้าขาออก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายธนันท์รัฐ กันตพลจรัณธร อายุ 43 ปี บิดาของน้องจูน เปิดเผยถึงอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า ก่อนเกิดเหตุน้องจูนกำลังติวหนังสืออยู่กับเพื่อนอีก 2 คนเพื่อเตรียมสอบ หลังจากที่ทราบเหตุว่าน้องจูนประสบอุบัติเหตุ ก็รีบเดินทางมาจากภูเก็ตเพื่อมาดูแล โดยอาการของน้องจูนตอนนี้หลังจากออกมาจากห้องไอซียูก็มีการตอบสนองมากขึ้น แต่สมองยังบวมอยู่ และยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อย่างไรก็ตามต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

“พอทราบเรื่องรู้สึกใจสลายเป็นกังวลต่ออาการของลูกสาวมาก กินอะไรไม่ได้เพราะมันรู้สึกกังวลใจมาก ซึ่งก่อนหน้าวันเกิดเหตุ 1-2 วันเหมือนมีลางบอกเหตุว่าจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นกับครอบครัว เพราะมีจิ้งจกตกลงมาใส่ผมมันเหมือนเป็นลางสังหรณ์บางอย่างว่าจะเกิดเหตุร้าย หลังจากนั้นน้องจูนก็มาประสบอุบัติเหตุ” บิดาของน้องจูนกล่าว

นายธนันท์รัฐกล่าวต่อว่า ทางฝั่งคู่กรณียังไม่ได้ติดต่อมาหาตนเลยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ขณะที่ทางคณบดีของมหาวิทยาลัยได้ประสานเรื่องมาว่า จะย้ายน้องจูนไปรักษาต่อที่ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ อย่างไรก็ตามยังกังวลใจและคงเป็นห่วงลูกสาวอยากให้หายไวๆ อีกทั้งยังภาวนาสวดมนต์ทุกวันขอให้อาการดีขึ้น

นายธนันท์รัฐกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องคดีความนั้น ขณะนี้รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากพนักงานสอบสวนที่ทำคดี ไม่ให้ความร่วมมืออย่างเท่าที่ควร และยังไม่ได้สอบปากคำฝั่งคนเจ็บ เท่าที่ตนทราบคือ ทางพนักงานสอบสวนได้ข้อมูลจากฝั่งคนขับรถพ่วง 18 ล้อว่า เห็นรถของลูกสาวตนขับมาในระยะไกลจึงยูเทิร์นรถ แต่ในความเป็นจริงตามกฎหมาย รถที่วิ่งมาทางเอก คือรถที่ลูกสาวของตนนั่งอยู่ นั้นวิ่งในช่องขวาสุดซึ่งเป็นทางเอก รถที่จะยูเทิร์นได้ต้องรอให้รถทางตรงไปก่อน

ด้านพล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ขณะนี้ ได้สั่งการให้ทาง รองผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ที่รับผิดชอบด้านงานสอบสวน ลงพื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาภรณ์ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่างๆในคดี และเชิญตัวทั้งฝั่งผู้เสียหายและคู่กรณี เข้ามาให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวน พร้อมกับลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อรวบรวบข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคลและพยานแวดล้อม เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน