ราชกิจจาฯ เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ อัตราโทษปรับคนไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ลดเสี่ยงโควิด-19 สูงสุด 2หมื่นบาท

วันที่ 8 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิดกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 พ.ศ.2564

โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวข้องกับการเปรียบเทียบปรับกรณีไม่สวมใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย ระบุว่า ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) ได้แพร่อย่างรวดเร็วและกว้างขวางในทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและการดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนและต่อระบบการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข

ทั้งนี้ ในการแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้มีการอาศัยอำนาจของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาใช้ในการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวด้วย โดยได้มีการกำหนดมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ที่สำคัญ คือการให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและป้องกันมิให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และจำกัดวงในการระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ออกคำสั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไป แล้วผู้นั้นฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558

ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควรจึงเห็นสมควรกำหนดหลักเณณฑ์การเปรียบเทียบความผิดกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไป ไว้เป็นการเฉพาะ

ซึ่งหากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 สงบลงหรือกรณีมีเหตุอันสมควร หรือได้มีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 แล้ว เห็นควรให้ยกเลิกระเบียบนี้ไปในคราวเดียวกันด้วย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 57 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงออกระเบียบไว้

สำหรับข้อ 4 ของระเบียบฉบับนี้ระบุว่า

“ความผิด” หมายความว่า ความผิดตามมาตรา 51 ฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไป
“การเปรียบเทียบ” หมายความว่า การเปรียบเทียบความผิดตามระเบียบนี้
“ผู้ต้องหา” หมายความว่า ผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดตามระเบียบนี้
“ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบ” หมายความว่า อธิบดีกรมควบคุมโรคหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายให้มีอำนาจเปรียบเทียบบรรดาความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียวหรือมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558

สำหรับอัตราการเปรียบเทียบแนบท้ายระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิด กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 พ.ศ.2564

มาตรา 51 ฐานความผิดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไป ระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท อัตราค่าปรับที่กำหนดให้เปรียบเทียบ ดังนี้

  • ครั้งที่ 1 ไม่เกิน 1,000 บาท
  • ครั้งที่ 2 มากกว่า 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
  • ครั้งที่ 3 เป็นต้นไป มากกว่า 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 20,000 บาท

อ่านรายละเอียดทั้งหมด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน