เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานว่า ชายชาวอินโดนีเซียรายหนึ่ง ถูกจับกุมหลังจากปลอมตัวเป็นภรรยาของตัวเอง เพื่อขึ้นเครื่องบิน โดยชายคนนี้ได้ใช้ชื่อย่อว่า ‘DW’ เพื่อขึ้นเดินทางกับสายการบินซิตีลิงก์ เที่ยวบินจากกรุงจาการ์ตาไปยังเมืองเตอร์นาเต ใกล้ชายแดนประเทศฟิลิปปินส์
โดยจุดประสงค์ในการปลอมตัวนั้นก็ เพื่อให้เขาสามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ เพราะว่าก่อนหน้านี้ชายคนนี้ได้รับการตรวจโควิด ด้วยวิธี PCR ซึ่งเป็นบวก แต่ภรรยาของเขานั้นเป็นลบ
เขาจึงตัดสินใจปลอมตัวเป็นภรรยาของตนเอง โดยใช้บัตรประจำตัวและผลการทดสอบของภรรยา พร้อมกับสวม ‘นิกอบ’ ก่อนจะเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินฮาลิมเปอร์ดานา คูซูมา ในกรุงจาการ์ตา
‘นิกอบ’ คือผ้าคลุมศีรษะและใบหน้าบางส่วน โดยเปิดบริเวณรอบดวงตาเอาไว้ บางครั้งอาจสวมกับผ้าคลุมอำพรางส่วนรอบดวงตาอีกชิ้นได้
แต่ทว่าการปลอมตัวของเขาก็ถูกจับได้ในที่สุด หลังจากที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้แจ้งว่าเห็น คนเข้าไปในห้องน้ำบนเครื่องบิน ก่อนจะออกมาในชุดเสื้อผ้าของผู้ชาย แทนที่จะเป็นนิกอบที่ใส่เข้าไปในตอนแรก พนักงานได้จึงแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ที่สนามบินปลายทางได้ทราบถึงเรื่องราวดังกล่าว
และทันทีที่ถึงสนามบินปลายทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็ได้ทำการทดสอบชายหนุ่มคนนี้ใหม่อีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเขามีผลเป็นบวก หรือติดเชื้อนั่นเอง
ด้านหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมโควิด-19 ของเมืองเตอร์นาเต กล่าวว่าทางสนามบินได้ติดต่อมายังหน่วยควบคุมโควิด-19 ของเมือง เพื่อตรวจหาเชื้อชายคนดังกล่าว ก่อนจะพาเขาไปกักตัวเองที่บ้านพัก และเมื่อสิ้นสุดการกักตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามารับช่วงต่อ เพื่อดำเนินคดีกับชายคนนี้
ทั้งนี้ด้าน การูดา อินโดนีเซีย บริษัทแม่ของสายการบินซิตีลิงก์ นั้นได้จำกัดให้เฉพาะบุคคลที่มีความจำเป็นเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้เดินทาง หลังจากในช่วงที่ผ่านมานั้น ในประเทศอินโดนีเซีย ได้พบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการแพร่ระบากของสายพันธุ์เดลตา ในขณะที่อินโดนีเซียนั้นสามารถงฉีดวัคซีน ให้ประชากรได้เพียงแค่ 6% เท่านั้น
ที่มา : cnn / independent