ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าไม้ เผยเคยไล่ยิง ‘ไฮโซปอ’ ปัญหาระหว่างแก๊ง เพื่อนหลวงพี่มีเรื่อง เป็นเรื่องหลาย 10 ปีก่อน ก่อนมาเจอกันตอนโยมปอมาขอบวช

จากกรณี “ไฮโซปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์” และ “โรเบิร์ต ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์” ผู้ต้องหาคดี “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” นางเอกสาวที่ตกเรือเสียชีวิต ได้ซุ่มเงียบปลงผมบวชพราหมณ์เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (16 มี.ค.) ณ ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย สถานที่ปฏิบัติธรรม ใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นสาขาของวัดท่าไม้ เพื่ออุทิศผลบุญกุศลให้นางเอกดังผู้ล่วงลับ ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสสังคมโจมตีอย่างหนักถึงความไม่เหมาะสม

รายการโหนกระแสวันที่ 16 มี.ค. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ พระญาณวิกรม พระอาจารย์อุเทน เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ มาพร้อม หลวงพี่แซม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ถึงสาเหตุที่ยอมบวชให้ ท่ามกลางกระแสดราม่าที่โจมตีอย่างหนัก

ยืนยันว่าไฮโซปอ-โรเบิร์ต บวชแล้ว?
พระอาจารย์อุเทน : บวชแล้วจ้ะ เมื่อตอน 8 โมงเช้า ที่อำเภอสวนผึ้งจ้ะ เป็นสถานปฏิบัติธรรม เป็นสาขาของวัดท่าไม้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ในเขา สงบ วิเวก ปราศจากความเจริญทั้งหลาย

ทำไมตอนแรกมีข่าวว่าจะบวชที่วัดท่าไม้ ทำไมอยู่ดีๆ ย้ายไปสวนผึ้ง?

พระอาจารย์อุเทน : ตอนแรกจะบวชวัดท่าไม้ แต่พอเช็กข้อมูลแล้ว คนมีคดีความ บวชไม่ได้ ก็เลยเอาแบบนี้แล้วกัน ความตั้งใจบวชอยู่ก็ให้มาบวชเป็นพราหมณ์แทน ไม่ได้สำคัญที่จีวร ถ้าใจเราบริสุทธิ์ตั้งแต่แรก อาตมาเลยหาทางออกเพื่อให้เขาได้บวชให้โยมแตงโมด้วย จริงๆ เราไม่ได้บอกก่อนว่าโยมแตงโมก็เป็นลูกศิษย์ที่วัดอาตมาด้วย รู้จักมา 10 กว่าปีแล้ว คนที่จัดงานศพให้แตงโม โยมพี่เอ โยมพี่อั้มก็เป็นลูกศิษย์ที่วัด ก็บอกโยมพี่เอว่าให้จัดงานออกมาให้งดงามที่สุด นั่นคือจุดประสงค์

กรณีโยมปอ กับโยมโรเบิร์ต ก่อนหน้านี้รู้จักมาจากทางไหน อยู่ดีๆ เขามาขอบวชเลยเหรอ?

หลวงพี่แซม : เดิมทีก่อนหน้านี้ วันที่ 26 ก.พ. มีข้อความเข้าในโทรศัพท์หลวงพี่ เพราะหลวงพี่ไปอัปเดตฮอตเมล์ อัปเดตวินโดร์ เลยต้องใช้รหัส OTP เพื่อเข้าฮอตเมล์ แต่หลวงพี่ยังไม่ได้อ่าน จนเวลาผ่านไปต้นเดือนมี.ค. ก็รู้ว่าโยมปอกับโยมโรเบิร์ตไปที่วัดท่าไม้ ทั้งคู่ไปกับลูกศิษย์ท่านหนึ่งที่รู้จักมานาน 10 กว่าปี แต่ปกติหลวงพี่อยู่ชลบุรี ก็พูดคุยกับพระอาจารย์

เขามีประโยคหนึ่งว่าไม่มีที่ไหนบวชให้ผมเลย ไม่มีที่ไหนรับบวช อาจารย์เลยให้บวช บอกว่าไม่เป็นไร ให้บวชที่นี่ เหตุที่ให้บวชที่นี่ขอเท้าความนิดหนึ่ง โยมแตงโมเป็นลูกศิษย์ประมาณ 10 กว่าปี เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อาจารย์เคยให้คำแนะนำไปว่าอย่าเพิ่งแต่งงานเพราะเดี๋ยวจะเกิดเรื่อง จนโยมแตงโมแต่งงาน และได้ยินข่าวว่าหลังแต่งงานไปก็เลิกกันและกินยาฆ่าตัวตาย

ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เราขอยกเป็นวิทยาทานว่า ในคดีใหญ่ในเมืองไทย คนเดือดร้อน มีปัญหาทั้งหมด หลายๆ ท่านก็มีกรณีอย่างนี้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่าง บิ๊กโจ๊กถูกปลดออกจากตำแหน่ง พระอาจารย์ทั้งสองท่านก็อยู่กับเขาตอนเขามีความทุกข์ แต่พระอาจารย์ได้แนะนำให้เขาไปบวชที่อเมริกา 1 เดือนเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนไปแก้ปัญหาอะไร สองยกตัวอย่างท่านวิระชัย ทรงเมตตา ตอนที่ท่านถูกปลดออกจากตำแหน่งตำรวจ พระอาจารย์สองท่านก็อยู่ด้วยกัน ให้เขาหายจากทุกข์ก่อน

สามโยมมาริโอ้มีเรื่องที่เยาวราช ขับรถแล้วโดนแท็กซี่ยิงหนังสติ๊กใส่กระจก ตอนนั้นโยมมาริโอ้จะเอาค่าเสียหายจากแท็กซี่ แต่พระอาจารย์บอกว่าอย่า คืนตังค์เขาไปให้หมด เพราะแท็กซี่เขาไม่มีตังค์ กว่าเขาจะหาเงินหาทองได้ น็อตกราบรถก็เป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์ก็ให้ไปบวช ไปกราบ ไปขอโทษคู่กรณี วัตถุประสงค์จริงๆ คือเรียกมาก่อนให้สงบก่อน แล้วจะเอาความจริงจากใครสักคน แตงโมก็เป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์ก็อยากให้ความจริงกระจ่าง แต่ความจริงกระจ่างได้ต้องใช้หลักสอบสวน คือต้องทำให้เขาเป็นพวกเดียวกับเราก่อน ให้รู้สึกสบายใจก่อน อย่างพี่หนุ่มไม่รู้จักคนหนึ่งเลย จะไปถามเขาว่าเคยโกงเงินบริษัทมั้ย เขาไม่มีทางบอกแน่นอน เขาต้องเกิดความไว้ใจ สบายใจก่อนเขาถึงจะพูด

กำลังจะบอกว่าเป็นกุศโลบาย ถ้าเขาร้อนอยู่ เขาหนีร้อนพยายามไปพึ่งเย็นที่อื่น แต่ที่อื่นไม่มีเดี๋ยวจะร้อนหนักไปใหญ่ ก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวบวชให้เย็นก่อน แล้วพูดความจริงออกมาว่าเป็นยังไง?
หลวงพี่แซม : ใช่ และที่นัดพี่หนุ่มมาวันนี้เพราะตอนนี้ถูกยึดโทรศัพท์ เขาไม่สามารถดูข้อมูลได้ว่าเราต้องการอะไรจากเขา

แล้วญาติพี่น้องเขาดูอยู่ เขาจะไม่รู้เหรอ?
หลวงพี่แซม : ไม่เป็นไร เพราะเขาไปบอกไม่ได้ เขาไปอยู่ป่าช้า อยู่ใต้ต้นไม้ ใต้ต้นโพธิ์

เอาเขามาเพื่อให้เป็นพวกกับเราก่อน?
หลวงพี่แซม : ใช่ ไม่งั้นเราจะไม่สามารถได้ความจริงจากเขา

ไม่เหมือนพระไปโกหกเขาเหรอ?
หลวงพี่แซม : ไม่โกหก เขาต้องยินยอมในการพูดสิ่งนั้น

เหมือนเราไปหลอกเขาให้มาบวชกับเรามั้ย เพื่อเอาความจริงออกมา?
หลวงพี่แซม : ไม่หลอก เขาจะบอกหรือไม่บอกเรื่องของเขา แต่เขาต้องเย็นก่อน ถ้าพี่หนุ่มทำความผิด ฆ่าคนตาย แล้วไปอยู่ป่าช้า พี่หนุ่มคิดว่าจะนอนหลับมั้ย ไม่หลับเพราะอะไร ความจริงต้องหลอนอยู่แล้ว มันอยู่ไม่ได้ กลัวแน่นอน

ตอนแรกบอกจะบวชที่วัดท่าไม้ ตอนนี้ย้ายที่ไป นักข่าวไปรอกันเต็มเลย?
หลวงพี่แซม : อยู่ที่นั่นไก่ตื่น เราไม่สามารถเอาความจริงจากโยมปอและโยมโรเบิร์ตได้

พระอาจารย์อุเทน : ถ้าคนพลุกพล่านอย่างนั้นจะไปคุยยังไง จะไปสอนยังไง จะไปเอาความจริงยังไงมา ก็เลยเปลี่ยนไปที่ที่จะฝึกจิต และเดี๋ยวอาตมาจะลงไปอยู่ในป่าช้ากับเขาด้วย

คลิปตอนบวชเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อันนี้คือบวชพราหมณ์ ทำไมโกนศีรษะ?
หลวงพี่แซม : จริงๆ ตั้งใจบวชพระในมุมเขานั่นแหละ สมมติว่าให้โยมผู้หญิงที่มีผมยาวๆ ให้โกนหัวสักครั้ง เขารู้สึกหวงผมมาก เวลาบวชพราหมณ์ยอมสละผมด้วย ให้เต็มรูปแบบคือคล้ายๆ บวชให้มากที่สุด นั่นคือความปรารถนาของเขา ก็เลยเป็นวิธีการบวชเพื่อปลงผม

พระอาจารย์อุเทน : ตอนแรกจะไม่ปลง อาตมาถามว่าสละได้มั้ย เขาก็บอกว่าสละได้ครับ

ตอนแรกอยากบวชไม่ปลงผม?
พระอาจารย์อุเทน : ใช่

โรเบิร์ตล่ะ เขาหวงเส้นผมมาก?
พระอาจารย์อุเทน : เขาก็สละเส้นผมได้เหมือนกัน เพราะเขาตั้งใจรักษาศีล บวชและอุทิศบุญให้โยมแตงโมเต็มที่ ตั้งใจกินข้าวมื้อเดียว นอนในป่าช้า นอนในเมรุเลย ทั้งคู่เลย

คดีที่เขาโดนเหมือนประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พอเขาสึกพราหมณ์ออกมา เขาต้องไปทำยังไงต่อ?
หลวงพี่แซม : ต้องดูว่าช่วงเวลาบวชเขาได้อะไรบ้าง มีความคิดอะไรบ้าง

เขาบวชนานมั้ย?
หลวงพี่แซม : อย่างน้อยที่สุด 15 วัน เหมือนเอาขนมไปล่อเด็ก

ถ้า 15 วันนี้ตร.เรียกล่ะ?
หลวงพี่แซม : จริงๆ ต้องการให้มาอยู่วัดก่อนที่จะปิดคดี เพราะถ้าปิดคดีไปแล้ว เราจะไม่สามารถเอาความจริงไปใช้ประโยชน์อะไรได้ เราก็เลยเลือกวันที่ 16 เป็นวันให้เขาบวช เพราะถ้าบวชหลังจากนี้ปิดคดีไปแล้วก็ถือว่าจบ ถ้าบวชก่อนหน้านี้กระแสยังแรง ทุกอย่างก็ยังร้อนอยู่ ยังทำอะไรไม่ได้

พระอาจารย์อุเทน : อันนี้ก็เหมือนเราช่วยตร.กู้สถานการณ์ ช่วยดูคดี ช่วยสืบค้นคดีไปด้วย ถ้าอาตมาไม่สนิทกับเขา ไม่ใช่อาจารย์เขา เขาคงไม่เล่าความจริงให้อาจารย์ฟัง

หลวงพี่แซม : ถ้าไม่สนิทกันเลย อยู่เฉยๆ จะเดินทางมาบอกความจริงกับเรา คงเป็นไปไม่ได้ แม้กระทั่งคนเคยพูดว่าคนรวยไปทำบุญที่วัดนี้ อย่าลืมนะคนรวยไม่ใช่คนโง่ คนรวยจะมาทำบุญให้เราเฉยๆ เป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นคนที่มีบุญต่อกัน

สังคมจะมองว่าสองคนอาจให้เงินวัดหรือเปล่าถึงยอมบวชให้?
หลวงพี่แซม : ไม่ได้ให้เลย ถ้าเขาคิดนั่นคือมุมของสังคม เราเสียกว่าอยู่แล้ว เพราะวัดโดนด่ามาโดยตลอด

พระอาจารย์อุเทน : บอกว่าไปเข้าข้างผู้ร้ายบ้างอะไรแบบนี้

หลวงพี่แซม : แต่ถ้าเราได้ความจริง เราคุ้มมากกว่าเสีย เราเสียไม่เป็นไร แต่สังคมได้รับความจริงความกระจ่าง ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

ถ้าสังคมกำลังสงสัยว่าไปช่วยคนผิดหนีความผิดหรือเปล่า?
พระอาจารย์อุเทน : ถ้าถามว่าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสองท่านพูดความจริงหรือไม่ อาตมาปกติยึดหลักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่แล้วโยม ได้ยินอะไรมาอย่าเพิ่งเชื่อ ถามว่าทำให้หนีคดีหรือไม่ คงไม่ เพราะคดีก็ว่ากันไป เขาก็มีคดี คดีก็ว่ากันตามรูปกฎหมาย แต่ระหว่างเขามีจิตใจที่จะทำความดี เราก็ต้องให้โอกาส นี่เขาร้อนมาแทนที่จะให้เขาหนีไปเรื่อยๆ ไป แล้วหาทางหนีไปต่างประเทศ ซึ่งคนมีเงินเขาทำได้ แต่สู้อาตมาดึงเขากลับมาให้อยู่ตรงนี้ดีกว่า ให้อยู่กับความจริงซะ ความจริงคือความจริงวันยังค่ำ หนีไม่ได้ ไม่มีใครรู้ความจริงมากกว่าตัวเขาเอง นั่นคือสิ่งที่อาตมาคิด

จะบอกว่าถ้าเขาจะหนีไปต่างประเทศเขาก็ไปได้ เขาไม่จำเป็นต้องเอาเงินมาให้วัดหรอก แต่วันนี้ก็ให้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องหนี?
พระอาจารย์อุเทน : ยกตัวอย่างคนที่รวยมากกว่านี้ ยังหนีคดี หนีกรรมไม่พ้นเลยโยม กรรมมันทำมาก็ต้องใช้ หนีไม่ได้ เราไม่ได้ช่วยให้เขาหนีกรรม แต่เราดึงให้เขาเย็นลง ให้เขาสงบลง มีที่พึ่ง ไม่ให้เขาเตลิดเปิดเปิง จริงๆ เราต้องการช่วยบ้านเมืองหาความจริงด้วย

หลวงพี่แซม : จริงๆ หลวงพี่รู้จักโยมปอ 16 ปีแล้วล่ะ แต่รู้จักกันด้วยการเป็นโจทก์กัน หลวงพี่เคยตามไล่ยิงโยมปอตอนเป็นฆราวาส ที่พัทยา

เคยรู้จักในฐานะศัตรู ทำไมไปไล่ยิงเขาได้?
หลวงพี่แซม : มันเป็นเรื่องระหว่างแก๊ง คือเพื่อนของหลวงพี่มีเรื่อง เราด้วยความเป็นเพื่อนก็ช่วยเพื่อน จังหวะไปเจอที่พัทยาพอดี จังหวะมีคนรู้จักน้อย เราก็เลยเตรียมแก้แค้นโดยการขับรถตามไปไล่ยิง เขาจำได้วันที่หลวงพี่ไปเจอโยมปออีกครั้ง วันที่เตรียมตัวบวช เมื่อประมาณ 3-4 วันที่แล้ว

เขาเจอแล้วว่ายังไง?
หลวงพี่แซม : ก็คุยกัน หลวงพี่ปิดมาสก์อยู่ พระอาจารย์ก็ถามว่ารู้จักองค์นี้มั้ย

พระอาจารย์อุเทน : เขาบอกว่าไม่รู้จัก เพราะเหตุการณ์นานมาก

หลวงพี่แซม : หลวงพี่ปิดมาสก์ แล้วเขาได้ยินว่าชื่อหลวงพี่แซม พอเปิดมาสก์แล้วเท้าความว่าวันนั้น ช่วงประมาณกี่โมง กี่ปีที่แล้ว ยืนอยู่กับใคร ขับรถอะไร เขาถึงจำได้

พระอาจารย์อุเทน : เขาถึงยอมคุกเข่ากราบ

หลวงพี่แซม : 16 ปีแล้ว ก่อนบวชหลวงพี่ดื้อมาก

ที่บวชให้เป็นกุศโลบาย ตอนพักเบรกไปอาจารย์บอกว่า?
พระอาจารย์อุเทน : อาตมามีความประสงค์อย่างแรกเลยคืออยากคลี่คลายคดีเหมือนกัน อยากรู้ความจริงเหมือนกัน อยากตามหาความจริงว่าคืออะไร ต้องให้มาอยู่ใกล้อาตมา ไม่มีจุดประสงค์อย่างที่หลายคนคิด

หลวงพี่แซม : แต่วิธีการทำงาน อาจไม่ถูกใจญาติโยม สมมติคนทำความผิด แม้แต่ภรรยา พ่อแม่อาจไม่รู้ความจริงเลย ฉะนั้นความจริงจากกล้องวงจรปิด แม้ไม่ชัด หลักฐานพยานทางปาก ไม่ชัด เลยใช้วิธีเดียว คือคำพูดที่ออกจากปากคนอยู่บนเรือทั้ง 5 คน วิธีทำให้เขาพูด เราต้องเข้าใจหลักการสอบสวนก่อนว่าจะต้องทำยังไง

พระอาจารย์สงสัยเขามั้ย?
พระอาจารย์อุเทน : ยังไม่สงสัย เราต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์ ถึงเราสงสัยเราก็พูดไม่ได้

แต่ในใจลึกๆ สงสัย?
พระอาจารย์อุเทน : สงสัย

ท่านสงสัยมั้ย?
หลวงพี่แซม : เป็นลูกศิษย์เราแค่ช่วยให้ดีที่สุด ถ้าสุดปลายเอื้อมแล้วทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าเรามีความปรารถนาดีกับลูกศิษย์ เราควรเอาสิ่งที่เรามีทรัพยากรนำมาใช้

สังคมส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการที่ทางวัดบวชให้ทางปอ?
หลวงพี่แซม : ต้องให้เวลา ทุกอย่างเป็นเครื่องพิสูจน์ บวชหรือไม่บวชไม่สำคัญ แต่ทำยังไงให้เขามาอยู่ใกล้เราให้มากที่สุด เพื่อให้เขามีทัศนคติที่ดี มีความเย็นกายสบายใจขึ้น เหมือนลูกศิษย์คนหนึ่งที่เขากำลังจะฆ่าภรรยาเพราะเขาไปรู้ว่าภรรยาไปนอนกับชู้ เขาโมโหมาก เดินทางมาที่วัด พระอาจารย์ก็ให้ไปนอน ไปบวช ไปโกนหัว ไปอยู่ในห้องคนเดียวก่อน สวดมนต์ นั่งสมาธิก่อน หลังจากนั้นผ่านไป 4 วันเขาก็เย็นขึ้น และไม่ทำสิ่งนี้อีกต่อไป เพราะเมื่อเย็นลงเขาก็คิดได้ อะไรก็ตามที่กำลังร้อนอยู่ ยากลำบากที่จะควบคุม ต้องใช้เวลา

พระอาจารย์อุเทน : ทีแรกที่เขารู้ว่ามีกฎหมายห้ามบวช เขายังโทรปรึกษาอาตมา ว่าเขาไม่น่าทำให้อาตมาลำบาก และพูดเหมือนกับว่าบวชไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขาไม่บวชแล้ว อาตมายังพูดว่าโยม ทำอะไรอย่าเพิ่งท้อ งั้นโยมบวชเป็นพราหมณ์ได้มั้ย เขาบอกว่าได้ครับ นั่นคือที่มาการบวช อาตมาก็ให้สละเลย คนหวงผม เสียดายผม ก็ตั้งใจเลย บวชแล้วสละเลย อุทิศเลย โกนผมบวชซะแล้วให้ตั้งใจปฏิบัติ

เขาต้องทำอะไรบ้างระหว่างบวช?
พระอาจารย์อุเทน : รักษาศีล 8 ก่อน

หลวงพี่แซม : เขาต้องเดินและถอดรองเท้าตามพระบิณฑบาต เดินเพื่อธุดงค์ เดินข้ามเขาไปฝั่งพม่า ตอนกลางคืนต้องนอนใต้ต้นโพธิ์อยู่ริมน้ำ ระหว่างนั้นก็ให้ฉันท์ข้าวมื้อเดียว

พระอาจารย์อุเทน : เนื้อสัตว์ก็ไม่มี ต้องเดินธุดงค์ นอนในถ้ำด้วย ในถ้ำนั้นมีแต่โลงศพ

คุณแตงโมเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ แต่คุณแตงโมเป็นคริสต์?
พระอาจารย์อุเทน : มีทั้งคริสต์ อิสลาม ทุกศาสนามีหมดโยมที่มาหาอาตมา เพราะอาตมาจะพูดเสมอว่าศาสนาไม่ใช่เครื่องกีดกั้นระหว่างเรา แต่ศาสนาเป็นหลักของการทำความดี ศาสนาไหนก็เหมือนกัน อาตมาจะตอบเสมอว่าเหมือนกันหมด ศาสนามีให้คนเอาไว้ทำความดี ไม่ทำความชั่ว เคยมีคนถามว่าไม่มีพระจะทำยังไง ก็พ่อแม่นั่นไง พ่อแม่ก็คือพระนั่นแหละ

ระหว่างนี้เขาทำอะไร?
พระอาจารย์อุเทน : ภาวนา สวดมนต์ ตอนนี้น่าจะเดินขึ้นเขาแล้ว

ใครคุมเขาอยู่?
พระอาจารย์อุเทน : อาจารย์รองอีกองค์หนึ่ง ที่เก่งกรรมฐานมาก พาเดินขึ้นเขาแล้ว

กังวลใจมั้ย พระอาจารย์อุเทน ลูกศิษย์คนสนิทอย่าง คุณอั้ม พัชราภา, เบลล่า, ณเดชน์, ญาญ่า, มาริโอ้, พุฒ-จุ๋ย, เอ ศุภชัย และอีกมากมาย กลัวมั้ยว่าพอสังคมมองจะทำให้ทางวัดกระอักกระอ่วนใจ หรือแม้กระทั่งสังคมรู้สึกว่าทำไมทำแบบนี้ เขาไม่กล้ามาแล้ว?

หลวงพี่แซม : จริงๆ มีลูกศิษย์ส่งข้อความมาให้กำลังใจ ว่าเขาเข้าใจพระอาจารย์ บอกว่าทุกคนเข้าใจพระอาจารย์ว่าทำอะไรอยู่ เพราะการทำงานของพระอาจารย์เป็นแบบนี้ตลอด ยอมเจ็บปวด ยอมโดนสังคมด่า ยอมทุกอย่างอยู่แล้ว สุดท้ายให้ความจริงปรากฏ หลักฐานก็อยู่ที่ความจริง วันไหนความจริงเกิดขึ้นมา ก็จะรู้เองว่าสิ่งที่ทำ ทำเพื่ออะไร บวชหรือไม่บวชไม่สำคัญ แต่พอเขามาอยู่ใกล้กับเรา เราก็สามารถทำอะไรในสิ่งที่เราต้องการก็ได้

ในมิติแรก เราต้องการมอบสิ่งดีๆ ให้กับเขา สองความจริงที่อาจปกปิดอยู่ อาจพูดไม่หมด หรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อเขาเกิดความสบายใจแล้วเขาบอกเรา เราไม่ได้บอกว่าคุณต้องไปบอกตร.นะ คุณต้องไปบอกนักข่าวนะ แต่ถ้าคุณทำแบบนี้ คุณจะสบายใจแบบนี้ ถ้าเราโกหกคน เราต้องเจ็บปวดไปจนวันตาย ยกตัวอย่าง 5 คน อาจมี 1 คนฐานะไม่ได้ร่ำรวย อย่างโยมกระติก เป็นจำเลยของสังคม เขาไม่สามารถไปสมัครงานที่ไหนได้เพราะเขามีความผิด โดนสังคมลงโทษแล้ว แต่เขาก็ต้องอยู่ไปกับความเจ็บปวดนี้จนความจริงปรากฏ

ความจริงมีอยู่ 2 อย่าง หนึ่งมีกฎบ้าน สมัยก่อนไม่ให้คนมีคดีบวช เหมือนเราไม่มีโซเชียล เราไม่สามารถไปตามหาข้อมูลได้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน แต่บัดนี้มีเทคโนโลยี ทุกคนรู้หมดบวชที่ไหน ตัวตนอยู่ที่ไหน สามารถตามได้ทั้งหมด ตร.จะไปสอบปากคำเพิ่มก็ไปเรียกมา ถึงเวลาก็ไปถือศีล ไม่ได้หนีไปไหน สองกฎหมายจัดการไม่ได้ ก็เป็นกฎแห่งกรรม ทั้งสามลำดับมีเหตุการณ์ของมันอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะออกมาแบบไหนเท่านั้นเอง

พระอาจารย์จะยังไงต่อไป บางกลุ่มอาจเสื่อมศรัทธากับวัดท่าไม้ กังวลใจกับตรงนี้มั้ย?
พระอาจารย์อุเทน : จริงๆ ไม่เลยโยม เพราะเจตนาเราทำเพื่อลูกศิษย์ อาตมาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ทำไปโดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว คือคำเดิม ต้องการทำความจริงให้กระจ่าง นั่นคือเจตนา

มองว่านี่คือกุศโลบาย เอาปอกับโรเบิร์ตจำกัดวงไว้ตรงนี้ ดีกว่ามีปัญหาแล้วเขาหนีไปที่อื่น อาจหนีไปนอกประเทศ?
พระอาจารย์อุเทน : ใช่

ตอนนี้รถทัวร์เริ่มลงพระอาจารย์ กังวลใจมั้ย?
พระอาจารย์อุเทน : ไม่กังวลเลย

วันนี้พระอาจารย์อยากชี้แจง และบอกข้อเท็จจริงบางเรื่อง ผมเองก็สองจิตสองใจ กลัวมาก คนมานั่งในโหนกระแส ถ้าดีก็ดีเลย ถ้าไม่ดีสังคมจะมองเป็นอีกมุมหนึ่งเลย แต่ก็เข้าใจในมุมมองพระอาจารย์ แต่ก็กังวลแทนพระอาจารย์ บางกลุ่มอาจไม่เห็นด้วยในมุมมองนี้?

หลวงพี่แซม : มีกรณีหนึ่ง รปภ. ที่ข่มขืน เขาก็หนีมาอยู่ที่วัดท่าไม้ อาตมาก็เป็นคนสั่งให้เขาบวชพราหมณ์ ระหว่างนั้นตร.ชุดสืบสวนสมุทรสาครมาตามจับตัวที่วัด แต่ก่อนหน้านั้นเขาเริ่มคลายลงแล้ว เขาเริ่มสบายใจ ไม่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย เขามีสติแล้ว เริ่มคิดได้ว่าทำความผิดต้องยอมรับผิด ไม่งั้นก็ต้องหนีความผิดไปเรื่อย เราไม่ได้เรียกตร.มาจับ แต่เราให้เขาสบายใจก่อนว่าคนเราทำอะไร ก็ต้องยอมรับในสิ่งนั้น แม้แต่บางคนโกงเงิน มีชู้ ทำสิ่งไม่ดี เขายังเปิดเผยเลย แม้ปกปิดมานานถึง 17 – 18 ปี เขายังมาพูดเลย

อยากบอกอะไรลูกศิษย์ลูกหาที่กำลังดูรายการอยู่?
พระอาจารย์อุเทน : ที่ตั้งใจก็คือจะค้นหาความจริงให้กระจ่าง และช่วยลูกศิษย์ให้มากที่สุด และช่วยเจ้าหน้าที่ให้มากที่สุด

คำว่าช่วยลูกศิษย์หมายถึงใคร?
พระอาจารย์อุเทน : คือแตงโม จะช่วยให้มากที่สุดถ้าเป็นความจริงจะค้นหาความจริงให้ได้มากที่สุดจากตัวโยมปอ โยมโรเบิร์ต

หลวงพี่แซม : บอกลูกศิษย์อยู่เสมอว่าความจริงส่วนความจริง แต่เราห้ามทำจิตของเราให้ตกต่ำ เหมือนเราทะเลาะกับใครสักคน อีกคนเขาไม่รู้สึกโกรธ โมโห แต่เรายังจมอยู่ในความทุกข์นั้นอยู่เลย แล้วเราจะครองมันไว้ทำไม

พระอาจารย์อุเทน : เราต้องก้าวผ่านมันไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน