เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2561 เฟซบุ๊คของ อานนท์ นำภา ทนาย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความโดยระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ ตนจะไปรับทราบข้อกล่าวหา ในคดีหมิ่นศาล ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ในเวลา 09:30 น.
“ไม่แน่ว่าพนักงานสอบสวนจะนำตัวผมไปฝากขังหรือไม่ แต่ถ้าตามแนวคดีการเมืองของพี่วัฒนา เมื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ซึ่งคดีผมอาจต้องใช้เงินประกันสูงถึง 240,000 บาท” นายอานนท์ นำภา กล่าว
สำหรับคดีนี้ พ.ต.ท. สุภารัตน์ คำอินทร์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เป็นผู้กล่าวหา แจ้งความต่อ ร.ต.อ.ณัฐษนัย มงคลกุล รอง สว.(สอบสวน) กก.1 ช่วยราชการ กก.3 บก.ปอท.กรณี นายอานนท์ ได้ ดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่ง พงส.มีหมายเรียกให้มาพบ 20 ธ.ค.60 แต่นายอานนท์ ส่งทนายมาขอเลื่อนเนื่องจากติดธุระ ก่อนพนักงานสอบสวนจะให้มาพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในเวลา 09.30 น. วันที่ 10 ม.ค.นี้
ป.อาญา มาตรา 198 ผู้ใด “ดูหมิ่น” ศาลหรือผู้พิพากษา ในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการ “ขัดขวาง” การพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รายงานข่าวแจ้งว่า การดำเนินคดีนายอานนท์ มาจากกรณีที่นายอานนท์โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงกรณีที่ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาคดี ละเมิดอำนาจศาล เมื่อวันที่ 2 พ.ย. โดยมีกลุ่มนักศึกษา 7 คนเป็นจำเลย โดยศาลพิพากษาให้จำคุก สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 6 เดือน และปรับ 500 บาท รอลงอาญา 2 ปี
ขณะที่จำเลยอีก 6 รายให้รอกำหนดโทษ 2 ปี พร้อมสั่งจำเลยทุกคนถูกคุมความประพฤติเป็นเวลา 1 ปี โดยให้มีการรายงานตัวทั้งหมด 6 ครั้ง และให้ทำงานบริการสังคมรวมเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง ทั้งยังสั่งห้ามคบค้าสมาคมหรือรวมตัวกันทำกิจกรรม หรือกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอีก และ นายอานนท์ ตั้งคำถามเกี่ยวกับคำสั่งห้ามของศาลว่า “ศาลมีอำนาจอะไรสั่งห้ามไม่ให้จำเลยคบค้าสมาคมกัน”
