ร้านหม้อไฟดังเผยตอนนี้ เยาวราช-สำเพ็ง โดนคนจีนยึด เปลี่ยนมือเจ้าของแทบทั้งหมด ตั้งคำถาม กม. แค่มีวีซ่านักท่องเที่ยว ก็สามารถเปิดร้านได้

ร้านหม้อไฟชื่อดังที่เยาวราช “อาม่งหม่าล่า หม้อไฟ”โพสต์เล่าเรื่องราวธุรกิจในเยาวราช ที่ผู้ค้าชาวไทย กำลังเปลี่ยนมือเป็นของคนจีน ความว่า ก่อนอื่นเลยขอบคุณมากๆค่ะ และขอพูดในฐานะพลเมืองไทย

แน่นอนว่ารู้สึกไม่ยุติธรรมกับกฎหมายประเทศ ที่เอื้อต่างชาติมากๆ ในฐานะคนที่เคยคลุกคลีกับประเทศจีน ไทยกับจีนเหมือนประเทศพี่น้อง ถือวีซ่าท่องเที่ยว(L) ก็เปิดร้าน ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านนวด ร้านขายอุปกรณ์ ลองมาเดิน เยาวราช-สำเพ็ง ตอนนี้จากเดิมเคยเป็นร้านคนไทย(เชื้อสายจีน) ตอนนี้กลายเป็นร้านคนจีนแท้ๆ(ส่วนใหญ่วีซ่าL) ถึงจะวีซ่า L ก็เปิดบัญชีธนาคารได้ง่ายๆด้วย

ธุรกิจร้านอาหารในจีน ไม่ต้องมีสูตรอะไรมากมายเพราะทุกอย่างมี suppliers ส่งให้เรียบร้อย มีเงินเฉยๆก็เปิดร้านได้แล้ว Shipping ไทย-จีน คือขนส่งง่ายมากด้วย อุปกรณ์ตกแต่งจากจีนก็มีแบบสำเร็จ ไม่ต้องการ ฝีมือช่างไทยทำ การลงทุนมาเปิดร้านต่างๆในไทยเลยง่ายมากๆ แต่หาก หาถึงปลายทางเงินได้จากธุรกิจ แน่นอนว่าหลงเหลือ(หมุนเวียน)ในประเทศน้อย

การจดบริษัทในไทยของคนจีนก็ง่าย Visa L ก็จดได้เพียงแค่ต้องมีคนไทยถือหุ้นเยอะกว่าคนจีน
ไม่หนำซ้ำ SME ไทยจะเจริญได้อย่างไรเพราะความเป็นพลเมืองต้องเสียภาษีเงินได้ภาษีธุรกิจ ให้ประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติแค่หา nominee ในการทำสัญญาเช่า ก็จบ ปลายทางเงินได้ส่วนใหญ่อยู่ประเทศของเขา

โพสต์นี้ต้องขอโทษลูกเพจในความไม่เหมาะสม ที่เป็นโพสต์แนว emotional แต่เจ้าของร้านไม่ใช่ KOL ที่มีคนตามเยอะมีแค่ช่องทางนี้ที่เป็นกระบอกเสียง

ตอนทำร้านนี้แรกๆเคยฝันใหญ่ไว้ว่า ทำไมต่างชาติมาเปิดร้านอาหารในไทยเยอะจัง ทำไมไม่ค่อยมีของไทยไปเปิดต่างชาติบ้าง เลยคิดว่า ถ้าค่อยๆเปิดร้านหม่าล่าชาบูแล้วเพิ่มซุปไทยไปทีละนิดๆ (แจ่วฮ้อนเอย,ต้มยำเอย) ถ้าเอาไปขายต่างประเทศและเอาเงินเข้าประเทศได้บ้างคงจะดี (เพราะก่อนทำร้านเราทำงานประจำเป็น ตำแหน่ง exporter เราเองก็เคยส่งสินค้าอาหารไทยไปขายต่างประเทศ)

มีร้านอื่นๆมากมายที่อร่อย เดินทางสะดวกค่ะ ที่พูดมาไม่ใช่ว่าร้านอาม่งดีที่สุดนะคะ มีอะไรอีกเยอะที่รู้ว่าควรปรับปรุง แต่สิ่งที่ควรปรับปรุงหลายๆอย่างต้องใช้เงินทุน เก็บรวบรวมคำติชมต่างๆเพื่อพัฒนาต่อไปค่ะ

ที่ออกมาเขียนแบบนี้เพราะมี reference อ้างอิงคือตัวเองค่ะ ย้อนไปเมื่อ5-6ปีที่แล้ว ตอนนั้นอายุ26-27 มีความรู้ด้านนี้น้อย เคยเป็น nominee ในการดำเนินธุรกิจให้คนจีนค่ะ แต่ก็มีปัญหา คนจีนมีทั้งดีและไม่ดีนะคะ คนดีๆมีเยอะและยังติดต่อกันอยู่ ส่วนคนไม่ดีก็มีค่ะ เคยร่วมลงทุนกันและคนจีนทิ้งหนีสินไว้ให้ด้วยค่ะ ที่ออกมาเขียนทั้งหมดนี้คือเจอกับตัวเองค่ะ

อดีตเคยเปิดร้านร่วมกับคนจีนค่ะลงทุนเช่นกัน เลยเจอความผิดพลาดและได้เรียนรู้ สิ่งที่นำมาปรับปรุงคือ การขึ้นสูตรอาหารเองทั้งหมดค่ะ ช่วงแรกๆนำเข้าวัตถุดิบจากจีนเยอะตอนนี้นำเข้าวัตถุดิบจากจีน เดิมนำเข้า40% ตอนนี้เหลือนำเข้าวัตถุดิบ15% แล้วค่ะ ใช้วิจารณญาน ปลูกผลผลิตทางการเกษตรเอง(มีฟาร์ม) และผลิตพริกแกง ,เบสน้ำซุป,น้ำจิ้ม (ทำโรงงานเอง) อนาคตวางแผนไว้ว่าถ้าผลผลิตทางการเกษตรดีขึ้นก็คงไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบเลยค่ะ

โพสต์นี้ในมุมของSME ขนาดเล็กที่พึ่งเริ่มต้นค่ะ การออกมาโพสต์แบบนี้คิดไว้แล้วว่าเหรียญคงมี 2 ด้าน และต้องขอโทษฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และน้อมรับคำติชม

โพสต์ในมุมมองSME ขนาดเล็กรวมถึงการเลื่อมล้ำในการเสียภาษี และเงินหมุนเวียนของธุรกิจ(ประเทศ) ถ้ามองอีกมุม เป็นเรื่องยากมากๆที่คนไทย visa ท่องเที่ยวจะไปเปิดร้านหรือทำธุรกิจนอกประเทศ แต่ประเทศเรามีช่องโหว่จริงๆในเรื่องนี้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน