แพทย์เผย ผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น 3-4 เท่าจาก PM 2.5 ชี้แมสก์ทั่วไปกันแทบไม่ได้ ต้องใส่ 2-3 ชั้น หรือต้องใช้หน้ากากที่ป้องกันฝุ่นขนาดจิ๋วได้

6 ก.พ. 2566 – ศ.ดร.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านโรคภูมิแพ้ โรคหืด และโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เผยคำแนะนำการดูแลตัวเองในช่วงสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละออง และ PM 2.5 มลพิษทางอากาศ

ศ.ดร.พญ.อรพรรณ กล่าวว่า ช่วงนี้ผู้ที่เข้ามาตรวจอาการภูมิแพ้มีเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ประมาณ 3-4 เท่า ส่วนนี้จะมีคนไข้เดิมจะมาก่อนนัด เพราะว่าได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 จนอาการของโรคภูมิแพ้กำเริบ ส่วนกลุ่มที่เป็นคนไข้ใหม่ ที่เพิ่งจะทราบว่าตัวเองเป็นโรคภูมิแพ้ จากการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละออง

คนไข้เดินทางมาที่โรงพยาบาลเยอะมากนั้น จะมีอาการ ไอ แน่นหน้าอก หายใจเหนื่อย ส่วนผู้ที่มาด้วยอาการแพ้อากาศกำเริบจะมีเลือดกำเดาออก จาม น้ำมูก คัดจมูก คันตา หรือบางคนมีอาการคันตามตัว คันผิวหนัง ลมพิษ

ช่วงนี้ค่าคุณภาพอากาศเกินปกติ คนไข้ต้องใช้ยาทุกวันห้ามขาด ส่วนคนไข้ที่เป็นหอบหืดที่มีการศึกษา PM 2.5 มีเพิ่มขึ้นเกิน 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คาดเดาได้เลยว่าอีก 3-5 วันจะมีอาการกำเริบ ดังนั้นคนไข้ที่เป็นหอบหืด แนะนำว่าให้พกยาพ่นฉุกเฉินติดตัวไว้ เมื่อมีอาการไอไม่ต้องรอหอบ สามารถพ่นยาฉุกเฉินทันที เมื่อมียาควบคุม ยาป้องกันเราต้องใช้ต่อเนื่อง หรือจะเพิ่มขนาดยาก็ได้ แต่ห้ามขาดยา ส่วนผู้ที่แพ้อากาศต้องเพิ่มยาพ่นจมูก กินยาแก้แพ้ ใช้วิธีล้างจมูกเพิ่มด้วย

ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ต้องตระหนักดูว่าสถานที่ที่เราอยู่มีฝุ่นเยอะหรือไม่ วิธีที่ช่วยได้ก็คือการใส่หน้ากาก แต่เราจะชินกับหน้ากากธรรมดา ซึ่งหน้ากากอนามัยธรรมดาสามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ไม่ถึงครึ่ง จึงแนะนำว่าอาจต้องใช้หน้ากากที่ป้องกัน PM 2.5 ได้ หรือหากไม่มี สามารถใส่หน้ากากอนามัย 2-3 ชั้น และพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นเยอะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน