เตือน! แม้อาบน้ำก่อนขึ้นเตียง แต่ไม่ซักเครื่องนอนทุกสัปดาห์ ก็ไม่ได้สะอาดแบบที่คิด แบคทีเรียสะสมยิ่งกว่าโถส้วม

คำถามที่ว่าซักผ้าปูที่นอนบ่อยแค่ไหนดูเหมือนจะไม่มีคำตอบที่เป็นมาตรฐานอย่างแน่ชัด แต่จริง ๆ แล้ว ความถี่ในการทำความสะอาดผ้าปูที่นอนมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของทางเดินหายใจและผิวหนัง

หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าควรซักผ้าปูที่นอนบ่อยแค่ไหน? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ซักทำความสะอาดบ่อยครั้งมั นอกจากนี้ ยังควรซักผ้านวมและปลอกหมอนบ่อยแค่ไหน? วันนี้ทางทีมข่าวสดจะมาไขคำตอบ

คนสมัยใหม่ยุ่งกับงาน บางคนอาจจะเหนื่อยจากงานมาก กลับถึงบ้านมักจะหลับไปโดยไม่ได้อาบน้ำ หลาย ๆ คนคงคิดว่า การเข้านอนหลังจากอาบน้ำเสร็จและผ้าปูที่นอนดูไม่สกปรกจะไม่ต้องซักผ้าปูที่นอนบ่อยก็ได้ แต่ในความเป็นจริง แม้ว่าจะเข้านอนหลังจากอาบน้ำแล้วก็ตาม ผ้าปูที่นอนก็ยังสะสมสิ่งสกปรกไว้มากมายอย่างสุดลูกหูลูกตา ได้แก่

รังแค เหงื่อ และเมแทบอไลต์ของร่างกาย ซึ่งผู้คนใช้เวลาอยู่บนเตียงประมาณ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน แม้ในยามหลับ ร่างกายมนุษย์จะยังคงขับเหงื่อ รังแคออกจากหนังศีรษะและผิวหนัง รวมถึงขี้หูและขี้ตา เป็นเหตุให้ที่นอนสะสมไว้ไม่รู้ตัว

ตัวไรฝุ่น: ตัวไรฝุ่นชอบกินรังแคและชอบอาศัยอยู่ตามผ้าฝ้าย โดยเฉพาะผ้าปูที่นอนและผ้านวมที่มีแหล่งอาหารมากมาย ซึ่งอุจจาระและซากของไรฝุ่นเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ทางจมูกและโรคหอบหืด

ฝุ่น: ตราบใดที่ไม่เช็ดเฟอร์นิเจอร์ในร่ม ฝุ่นบาง ๆ อาจสะสมภายในสองสามวัน ไม่ต้องพูดถึงเตียงขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ใช้งานถึง 2/3 ของเวลาทุกวัน แน่นอนว่าผ้าปูที่นอนจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อมฝุ่น การตกค้างของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและยา: หลายคนคุ้นเคยกับการทาโลชั่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือยาก่อนนอน ดังนั้น อาจมีสารต่าง ๆ ตกค้างภายในที่นอนได้

ผ้าปูที่นอนซักบ่อยแค่ไหน? : ตามรายงานของ ฮัลโหลคุณหมอ ควรซักผ้าปูที่นอนสัปดาห์ละครั้ง และไม่ควรปล่อยไว้นานเกิน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทารก เด็ก หรือผู้ที่มีผิวหนังบอบบางและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

ถ้าไม่ซักทำความสะอาดผ้าปูที่นอนเป็นเวลานานจะเกิดอะไรขึ้น โดยทั่วไป สิ่งสกปรกที่กล่าวถึงข้างต้นจะยังคงสะสมอยู่บนเตียง กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย ตราบใดที่ไม่ได้ซักผ้าปูที่นอนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จำนวนแบคทีเรียบนผ้าปูที่นอนก็มีมากกว่าในชักโครก ถ้าผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และเครื่องนอนอื่น ๆ ไม่ได้ซักเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อผิวหนังและทางเดินหายใจ ได้แก่

1.โรคภูมิแพ้ที่อาจเกิดอาการแพ้ที่ตาทั้งอาการคันแห้ง, แดง, สารคัดหลั่งเพิ่มขึ้น, ความรู้สึกของสิ่งแปลกปลอม รวมถึงอาการแพ้บริเวณจมูทั้งคัดจมูก น้ำมูกไหล และคันจมูก 2. หายใจไม่ออก โดยผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูกมักเป็นโรคหอบหืดหากทำความสะอาดผ้าปูที่นอนอย่างหละหลวมหรือถ้าเปิดแอร์ในฤดูร้อนอากาศในห้องจะแห้งและเย็น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดโรคหอบหืดได้ง่าย

3. รูขุมขนอักเสบทั้งใบหน้า, หลัง, ทวารหนัก, ขา และส่วนอื่น ๆ ที่สัมผัสกับผ้าปูที่นอนบ่อย ๆ อาจระคายเคืองจากความสกปรกของผ้าปูที่นอน หรือติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้รูขุมขนอักเสบ ผดผื่น และมีหนอง

4. อาจเกิดโรคกลาก โรคผิวหนังภูมิแพ้หรือภูมิแพ้ผิวหนัง, ผิวหนังอักเสบ และโรคเริมจากเหงื่อ เตียงที่สกปรกและเต็มไปด้วยแบคทีเรียสามารถทำให้เกิดโรคผิวหนังได้ง่าย ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น รอยแดง บวม และคัน

อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ คนคงเกิดคำถามว่าควรซักผ้านวม ผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนบ่อยแค่ไหน? ดีที่สุดคือซักผ้านวม ปลอกผ้านวม และปลอกหมอนพร้อม ๆ กับผ้าปูที่นอน ความถี่ในการทำความสะอาดที่เหมาะสมคือสัปดาห์ละครั้ง และนานที่สุดคือไม่เกิน 2 สัปดาห์

นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ซักผ้านวมทุก ๆ 2 ถึง 3 เดือน ซึ่งควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากการซักสำหรับวิธีทำความสะอาด ทั้งนี้เครื่องนอน เช่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้านวม ส่วนใหญ่เป็นผ้าฝ้าย การอบแห้งอาจทำให้หดตัวได้ หากแห้งยากเนื่องจากสภาพอากาศชื้นหรือไม่มีที่ตากผ้าที่บ้าน ขอแนะนำให้การอบแห้งด้วยอุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศา เวลาในการอบแห้งครั้งเดียวไม่เกิน 15 นาที

ขอบคุณที่มาจาก helloyishi

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน