แพทย์ส่ายหัว ขอออกมาแชร์อุทาหรณ์ เด็กจีนม.1 ไอรุนแรง จนกลีบปอดเป็นสีขาว แม่ไม่ยอมให้นอนโรงพยาบาล เหตุกลัวลูกส่งการบ้านช้า

การแพร่ระบาดของระบบทางเดินหายใจกำลังแพร่กระจายไปทั่วประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นไรโนไวรัส, ไข้หวัดใหญ่, ไมโคพลาสมา อะดีโนไวรัส และโควิด-19 นพ.หลี่ จือเฟย แพทย์ที่วิทยาเขตบันด์ของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยหนิงโปออกมาแชร์ อุทาหรณ์การเจ็บปวดของเด็กไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อาจอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจกับการรักษาลูกมากกว่าคะแนนในโรงเรียน

โดยนพ.หลี่ จือเฟยกล่าวว่า “ผู้ปกครองหลายคน โดยเฉพาะมารดา ให้ความสำคัญกับการเรียนของลูกมากเกินไป แม้ว่าโรคปอดบวมของเด็กจะมีความรุนแรงพอที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่พวกเขาก็ยังไม่เต็มใจที่จะให้ลูกหยุดเรียน ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า ปอดของนักเรียนเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว แต่แม่ของเธอยังคงไม่ยอมเข้าโรงพยาบาลเพราะกังวลกับการเรียน

นพ.หลี่ จือเฟย ยกตัวอย่างของกรณีเด็กหญิงรายหนึ่งที่กำลังศึกษาอยู่ที่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เธอเริ่มมีไข้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะมีอุณหภูมิร่างกายอยู่ที่ประมาณ 38 องศาฯเสมอ เธอได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไมโครพลาสมา แต่แม่ของเด็กหญิงซื้อยาอะซิโธรมัยซินกลับมาให้ลูกกินที่บ้านเป็นเวลาสามวัน

อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิร่างกายของลูกสาวเธอยังคงอยู่ประมาณ 38 องศาฯ และอาการไอของเธอก็รุนแรงขึ้นทุกวัน ในบางครั้ง อาการไอทำให้เธออยากขดตัว ครูยังแนะนำให้เด็กหญิงไปโรงพยาบาล ซึ่งเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดบวมจากเชื้อไมโคพลาสมา

นพ.หลี่ จือเฟย ชี้ไปที่ภาพสแกนคอมพิวเตอร์ของเด็กหญิงแล้วพูดว่า “นี่เป็นโรคปอดบวมขนาดใหญ่ทั่วไป กลีบปอดที่นี่เป็นสีขาวทั้งหมด การติดเชื้อในปอดนั้นร้ายแรงมาก ฉันแนะนำให้นอนโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการ” แม่ของเด็กหญิงทำท่าลังเลและพูดว่า “หมอให้เด็กกลับไปกินยาอะซิโธรมัยซินอีกสองวันสิ ดูแล้ว อาจจะไม่เป็นไร หากเรากินต่อไปอีกสองวัน ถ้าไม่ได้ผลค่อยมาดูกันใหม่”

แพทย์กล่าวว่า “ฉันแนะนำให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก่อน เด็กมีอาการไออย่างรุนแรงจนเราไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไป เราจะดำเนินการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อประเมินว่ามีการดื้อต่อยาอะซิโธรมัยซินหรือไม่ จากนั้นจึงตัดสินใจแผนการรักษาครั้งต่อไป”

แต่แม่ของเด็กหญิงยังคงลังเลต่อไปพร้อมกล่าวว่า “หมอ การรักษาในโรงพยาบาลจะทำให้การบ้านล่าช้ามาก” งานนี้ คำที่ออกจากปากคนเป็นแม่ทำให้หมอถึงกับอึ้ง ในที่สุด พ่อของเด็กหญิงที่รอฟังอยู่ในโทรศัพท์ก็เป็นคนตัดสินใจทำตามคำแนะนำของแพทย์และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

นพ. หลี่ จื้อเฟย กล่าวว่า “ในคลินิกผู้ป่วยนอก เราได้พบกับผู้ปกครองหลายคนเช่นนี้ โดยเฉพาะผู้ปกครองในโรงเรียนประถมและมัธยมต้นที่กังวลว่าลูกจะทำการบ้านไม่ทัน เด็กบางคนมีไข้เกิน 39 องศาฯ และแม่ของพวกเขายังคงพูดว่า ‘กินอะไรแล้วจะทำให้ลดไข้จะได้กลับไปเรียนทันทีหลังกินยา’

แพทย์แย้งว่า ในแง่หนึ่งการไปเรียนในขณะที่ป่วยอาจทำให้นักเรียนคนอื่นติดเชื้อได้ ในทางกลับกัน การไปโรงเรียนในขณะที่ภูมิคุ้มกันของตัวเองอ่อนแอ มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อทุติยภูมิและการติดเชื้อแบบผสม ซึ่งไม่คุ้มกับผลที่ได้รับอาจเสี่ยงให้เกิดความร้ายแรงต่อร่างกายมากกว่าเดิม ดังนั้น จึงอยากโพสต์เตือนผู้ปกครอง หากเด็กป่วยควรให้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที

ขอบคุณที่มาจาก Ctwant

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน