อดีตแอดมิน อาจารย์น้องไนซ์ เชื่อมจิต ลุยแฉอีก ใช้ชื่อแอบอ้างดูดวง ทั้งที่ให้หมอดูคนอื่นดู เตือน อย่าหลงเชื่ออยากให้ลองพิสูจน์

จากกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ น้องไนซ์ เด็กชายวัย 8 ขวบ อ้างเป็นร่างอวตารองค์เพชรภัทรนาคานาคราช สามารถเชื่อมจิตได้ สามารถหยั่งรู้เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งในอดีตและอนาคต มีลูกศิษย์หลายพันคน และมีการตั้งกลุ่มในโอเพนแชทและเริ่มมีหลายคนออกมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมผิดปกติ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 15 ธ.ค.2566 นายเก่ง (นามสมมติ) อดีตแอดมินกลุ่ม นิรมิตเทวาจุติ ซึ่งเป็นกลุ่มไลน์โอเพนแชทของ อาจารย์น้องไนซ์ เชื่อมจิต ที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียล เปิดเผยกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ว่า ตนเป็นแอดมินของกลุ่มมา 1 ปีกว่าแล้ว เข้ามาเป็นตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่มีสมาชิกแค่หลักสิบถึงหลักร้อย

อดีตแอดมิน อาจารย์น้องไนซ์ เชื่อมจิต ลุยแฉอีก ใช้ชื่อแอบอ้างดูดวง ทั้งที่ให้หมอดูคนอื่นดู

อดีตแอดมิน อาจารย์น้องไนซ์ เชื่อมจิต ลุยแฉอีก ใช้ชื่อแอบอ้างดูดวง ทั้งที่ให้หมอดูคนอื่นดู

นายเก่ง กล่าวต่อว่า ในตอนแรกก่อนที่ตนจะมาเป็นแอดมินหรือรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ เขาจะมีการแอบอ้างจากความศรัทธาจากที่มีเป็นทุนเดิมในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องพญานาคหรือคนที่เขามีความศรัทธาเรื่องของธรรมะและอยากจะมาเรียนรู้ธรรมะ

นายเก่ง กล่าวอีกว่า โดยจะแอบอ้างว่ามีความเกี่ยวข้องกับน้องไนซ์ตั้งแต่อดีตชาติ บ้างก็บอกว่าเคยเป็นพี่ชายหรืออะไรต่าง ๆ นานา แล้วก็จะบอกว่าน้องไนซ์ชวนให้มาเป็นแอดมินด้วยกัน ก็ทำให้คนหลงเชื่อเข้ามารวมกลุ่มและเป็นแอดมิน

นายเก่ง กล่าวว่า นอกจากนี้ในการจัดตั้งกลุ่มที่มีการตอบไลน์ แอดมินหลาย ๆ คนก็จะมีการช่วยกันตอบปัญหาธรรมหรือคนที่มีความรู้ด้านธรรมะก็จะมาช่วยกันตอบ เขาก็จะดูว่าคนไหนที่มีความรู้ด้านธรรมะหรือสามารถตอบคำถามสมาชิกได้ก็จะทักส่วนตัวไปหาแล้วดึงมาเป็นแอดมิน

นายเก่ง กล่าวด้วยว่า ตอนแรกที่ตนเข้ามาเป็นแอดมินในกลุ่ม คือเข้าใจว่าชวนกันมาเพื่อที่จะสอนธรรมะ ตนก็คิดว่าสอนจากคำสอนของครูบาอาจารย์ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่คิดว่าจะเจาะจงว่าเป็นคำสอนของน้องไนซ์ แต่พอนานเข้าเริ่มมีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยที่ว่าเอาคำสอนทุกอย่างมาอ้างว่าเป็นคำสอนของตัวเอง

คิวดูดวงกับอาจารย์น้องไนซ์

คิวดูดวงกับอาจารย์น้องไนซ์

นายเก่ง กล่าวต่อว่า หรือแม้กระทั่งถ้าแอดมินในกลุ่มโพสต์เรื่องธรรมะของครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ ก็จะถูกสั่งห้าม ให้สอนได้เฉพาะเป็นคำสอนของน้องเท่านั้น และคำสอนต่าง ๆ เริ่มไม่ใช่คำสอนในทางศาสนาพุทธแล้ว เป็นการนำหลาย ๆ คำสอนมารวมกัน เติมแต่งเข้าไปจึงทำให้ตนรู้สึกผิดปกติและมีปัญหาขัดแย้งกันก่อนที่จะออกมาจากกลุ่ม เพราะตนไม่เห็นด้วยจากคำสอนพวกนี้ที่ไม่ถูกต้อง

นายเก่ง กล่าวอีกว่า แต่ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง เพิ่งจะมีเข้ามาเกี่ยวข้องตอนที่คนเริ่มเข้ามาในกลุ่มเยอะขึ้น และเริ่มมีทีมงานจัดคอร์สเชื่อมจิตต่าง ๆ ซึ่งตัวตนที่น้องเป็นอยู่ตอนนี้ที่ทุกคนเห็นนั้น ส่วนหนึ่งเป็นบทบาทสมมติที่อุปทานกันขึ้นมามากกว่า เพราะว่าที่ตนออกจากกลุ่มมา ตนเห็นความผิดปกติจากคำสอน

นายเก่ง กล่าวว่า เช่น การดูวาระจิตหรือการดูดวง ที่เขาบอกว่าน้องไนซ์สามารถดูวาระจิตได้ “อันนี้ไม่เป็นความจริง” เพราะตอนนั้นที่ดึงคนเข้ามาในกลุ่มช่วงแรก ๆ เป็นการดึงด้วยการบอกว่าจะให้น้องดูวาระจิตให้ เอาตรงนี้ไปโฆษณาแล้วทำให้คนเข้ามาในกลุ่ม

นายเก่ง กล่าวต่อว่า แต่จริง ๆ แล้วการดูดวงไม่ใช่น้องไนซ์เป็นคนดู แต่เป็นอาจารย์หมอดูอีกคนหนึ่งที่เป็นคนดูให้ แต่ว่าอาจารย์หมอดูคนนั้นจะไม่ได้คุยกับสมาชิกโดยตรง จะเป็นการที่แม่น้องน้องไนซ์นำคำถามสมาชิกไปถามหมอดูท่านนี้ แล้วท่านจะพิมพ์ตอบกลับมา แล้วแม่น้องไนซ์ก็จะใช้ชื่อน้องไนซ์ส่งข้อความไปให้สมาชิกท่านนั้นที่ตั้งใจดูดวงกับน้อง

นายเก่ง กล่าวอีกว่า คุณแม่ก็จะอ้างบอกว่าเป็นสิ่งที่น้องไนซ์เป็นคนดูให้ ไม่ได้บอกว่าเป็นอาจารย์หมอดูอีกคนหนึ่งเป็นคนดูให้ ซึ่งการดูดวงจะเป็นการจัดคิววันละ 1 คนในการดูดวง ใครได้คิวก็ต้องทักส่วนตัวไปหาเขาเพื่อที่จะดูดวงว่าจิตมีปัญหาติดขัดอะไรต้องแก้ไขยังไง

“ส่วนเรื่องจัดคอร์สเชื่อมจิตต่าง ๆ ผมไม่ได้ทราบเรื่องนี้ เพราะออกมาก่อนที่จะมีการเชื่อมจิต แต่ผมก็คิดว่าการเชื่อมจิตหรือทำอะไรตรงนี้ก็ “ไม่เป็นความจริง” เพราะดูจากการทำงานกับน้อง “ไม่ได้มีความพิเศษ” ตามที่เขากล่าวอ้างกันจริง ๆ แต่คนที่เขาไปอยู่ในสถานการณ์นั้นน่าจะเกิดอุปทานหมู่ที่พูดต่อ ๆ กันไปว่า “ฉันเข้าไปฉันจะต้องได้เห็นแสง ฉันจะต้องนั่งได้ ฉันจะต้องได้เห็นนู่นเห็นนี่ โดยการพูดนำจากคนอื่น ๆ ก่อน” นายเก่ง กล่าว

นายเก่ง กล่าวต่อว่า พอเข้าไปแล้วก็เลยเกิดเป็นอุปทานขึ้นมาว่าฉันก็เห็น คนโน้นคนนี้ก็เห็น ซึ่งถ้าเกิดไม่เห็นมันเป็นเรื่องผิดปกติ ก็เลยต้องเห็นตามคนอื่นทั้งที่จริงแล้วก็ไม่รู้ว่าเห็นจริงหรือไม่ ซึ่งเมื่อก่อนก่อนที่จะมีการเชื่อมจิตเขาจะทำไลฟ์สดผ่านออนไลน์แล้วหลาย ๆ คนที่เข้ามาดูมาชมก็เห็นหรือเกิดผู้เป็นอุปทานว่าได้รับสิ่งนั้นจริง ๆ ก็เลยเป็นช่องทางให้เขานำมาเป็นจุดขายนำมาทำคอร์สต่าง ๆ

นายเก่ง กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ตนอยากบอกว่าเรื่องนี้พิสูจน์ไม่ยาก เพราะถ้าอยากพิสูจน์ว่าน้องรู้เรื่องธรรมะจริงหรือไม่ ก็สามารถลองถามน้องตรง ๆ ได้เลย คุยเรื่องธรรมะกับน้องโดยที่ไม่ใช่คุยในไลฟ์สด เพราะเขาอาจจะเตรียมมาก่อน ทุกอย่างมันจะชัดเจนจากคำตอบน้องตอบเลย

นายเก่ง กล่าวว่า เพราะมันมีอยู่ในหลักธรรมคำสอนทั่วไปอยู่แล้ว เลยอยากให้ทุกคนได้พิสูจน์เพื่อที่จะได้รู้และเชื่อในทางที่มันถูกต้อง อย่างน้อย ๆ ก็จะไม่เชื่อตามกันในสิ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์หรือยังไม่ได้เห็นความจริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน