ผู้เล่นของ บอสตัน เซลติกส์ ทำการวอล์กออฟ หรือ เดินออกจากสนามก่อนเกมบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ กับ ไมอามี ฮีต เพื่อประท้วงรัฐบาลสหรัฐที่ก่อเหตุรุนแรง รวมถึงสร้างความไม่เท่าเทียมในสังคม

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐเพื่องระงับการประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน เป็นการชั่วคราว

จากเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้ประท้วงหญิงรายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตตามคำยืนยันของตำรวจวอชิงตันซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจในวงกว้างเนื่องจากมองว่ารัฐบาลทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ

ขณะที่ในวันเดียวกันอัยการของเมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน ได้ปฏิเสธที่จะตั้งข้อหากับ รุสเทน เชสกี หนึ่งในตำรวจที่ก่อเหตุยิง จาค็อบ เบลก ชายผิวสีจากด้านหลังหลายนัดระหว่างการสอบสวนจนฝ่ายหลังเสียชีวิตซึ่งสร้างเสียงวิจารณ์ไปทั่วประเทศถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น

จากเรื่องทั้งหมดส่งผลให้ผู้เล่นของ เซลติกส์ ตัดสินใจที่จะประท้วงรัฐบาลด้วยการเดินออกจากสนามก่อนเกม บาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ ที่พวกเขาเปิดรัง ทีดี การ์เด้น พบกับ ไมอามี ฮีต เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้เอ็นบีเอ เลื่อนซีซั่นออกไปเพื่อเป็นการร่วมประท้วงด้วย

อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว เซลติกส์ ก็กลับมาลงแข่งขันอีกครั้งทว่าก่อนที่จะแข่งขันนั้นพวกเขาได้ทำการคุกเข่าทั้งทีมเชิงสัญลักษณ์เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมในสังคม เช่นเดียวกับผู้เล่นของ ฮีต ที่ร่วมคุกเข่าด้วยซึ่งสุดท้าย เซลติกส์ ชนะไป 107-105

หลังการแข่งขันทั้ง 2 ทีมได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า “ปี 2021 เป็นปีใหม่ แต่บางอย่างกลับไม่เปลี่ยนแปลง พวกเราเล่นเกมนี้ด้วยหัวใจอันหนักหน่วงหลังการตัดสินใจในเคโนชา และรู้ว่าผู้ประท้วงในเมืองหลวงของประเทศได้รับการปฏิบัติที่แตกต่าง เราต้องไม่ลืมความอยุติธรรมในสังคม และเราจะยังคงใช้เสียง และช่องทางของเราในการทำงานเพื่อให้สหรัฐเกิดความเท่าเทียมมากขึ้น”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน