ลิเวอร์พูล บุกอัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาถิ่น 4-2 ศึกแดงเดือด พร้อมเพิ่มโอกาสลุ้นติดท็อปโฟร์ในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. เป็นเกม “แดงเดือด” ระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล หลังเลื่อนมาจากวันที่ 2 พ.ค.
- แฟน แมนฯยู รวมตัวประท้วงซ้ำก่อนเกมแดงเดือด – แข้งหงส์ยังไม่ถึงสนาม
- แมนฯยู หวั่นแฟนบอลประท้วงซ้ำก่อนเกมแดงเดือด
- สั่งเลื่อนแล้ว ศึกแดงเดือด ไปเตะกันวันอื่น หลังเกิดเหตุแฟนบอลประท้วงครั้งใหญ่
เกมนี้เจ้าถิ่นจัดผู้เล่นชุดใหญ่ นำทัพโดย บรูโน แฟร์นานเดส, ปอล ป็อกบา และเอดินสัน คาวานี ส่วนทีมเยือนวาง ดีโอโก โชตา, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโรแบร์โต ฟีร์มิโน เป็นแกนหลัก
ก่อนแมตช์ดังกล่าวแฟนบอล “ปีศาจแดง” ออกมาประท้วงตระกูลเกลเซอร์กันอีกครั้งหน้าสนาม ทว่าไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆทำให้เกมสามารถแข่งขันกันตามกำหนดเดิม
นาทีที่ 10 แมนฯยู ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ อารอน วาน-บิสซากา จ่ายเข้ากลางให้ บรูโน แฟร์นานเดส ยิงแบบไซส์โป้งด้วยขวาไปโดนซึ่ง นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ที่ยืนอยู่หน้าประตูพยายามสกัดแต่ดันผิดเหลี่ยมทำให้เข้าประตูตัวเอง
นาที 26 ลิเวอร์พูล พลาดได้จุดโทษจากจังหวะที่ เอริก ไบยี ไปทำฟาล์ว นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ในกรอบเขตโทษซึ่งตอนแรกผู้ตัดสิน แอนโธนี เทย์เลอร์ เป่าว่าเป็นการฟาล์ว ทว่าเมื่อเจ้าตัวไปดูวีเออาร์ กลับเปลี่ยนคำตัดสินเนื่องจากมองว่า ไบยี ถึงบอลก่อน
นาที 34 “หงส์แดง” ไล่เจ๊า 1-1 จากจังหวะที่ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ เก็บบอลในกรอบเขตโทษ และกึ่งยิงกึ่งผ่านและเป็น ดิโอโก โชตา ไขว้เปลี่ยนทางเป็นประตู
เกมทำท่าจะจบครึ่งแรกด้วยผลเสมอทว่า ลิเวอร์พูล มาแซงนำ 2-1 จากจังหวะที่ได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งขวาของกรอบเขตโทษแล้ว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเข้ากรอบเขตโทษให้ โรแบร์โต ฟีร์มิโน โฉบโหม่งตุงตาข่าย และจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง
นาที 47 ลิเวอร์พูล ทิ้งห่าง 3-1 จากจังหวะที่ทีมเยือนตัดบอลได้หน้ากรอบเขตโทษเจ้าบ้านก่อน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงไปติดเซฟ ดีน เฮนเดอร์สัน ซึ่งบอลมาเข้าทาง โรแบร์โต ฟีร์มิโน ซ้ำเข้าไปง่ายๆ และเป็นประตูที่ 2 ของเจ้าตัวในเกมนี้
นาที 68 แมนฯยู ไล่มา 2-3 จากจังหวะที่ เอดินสัน คาวานี จ่ายบอลทะลุช่องให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้ากรอบเขตโทษก่อนยิงผ่านมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ เข้าไป
นาที 90 “หงส์แดง” นำห่าง 4-2 จากจังหวะที่ เคอร์ติส โจนส์ จ่ายบอลยาวให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเดี่ยวก่อนเอี่ยวตัวยิงผ่านมือ ดีน เฮนเดอร์สัน เข้าไป ก่อนจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-4 ลิเวอร์พูล
จากผลดังกล่าวทำให้ ลิเวอร์พูล มีเพิ่มเป็น 60 คะแนนจาก 35 นัดขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ของตาราง ตามหลัง เชลซี อันดับ 4 อยู่แต่ 4 คะแนนแข่งน้อยกว่า 1 นัด ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี 70 คะแนนจาก 36 นัด รั้งอันดับ 2 ตาราง