ไค ฮาเวิร์ตซ์ สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยพา เชลซี เฉือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2020-21 เมื่อวันที่ 29 พ.ค. เป็นนัดชิงชนะเลิศ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่สนาม เอสตาดิโอ โด ดราเกา เมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส โดยเกมนี้มีผู้ชม 16,500 คน
- ทูเคิล หวัง เมนดี้ ฟิตทันช่วยทีมบู๊เรือใบศึกยูซีแอลนัดชิงชนะเลิศ
- เป๊ป ยันอยู่เรือใบต่อแม้ทีมชวดคว้าแชมป์ยูซีแอลฤดูกาลนี้
- สิงห์ส่อโละ 5 แข้งระดมทุนเซ็น ลูกากู เสริมหอก
เกมนี้ “เรือใบสีฟ้า” ส่ง อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์ และราฮีม สเตอร์ลิง นำทัพ ส่วน “สิงโตน้ำเงินคราม” มี เมสัน เมาต์, ติโม แวร์เนอร์ และไค ฮาเวิร์ตซ์ ลงสนาม
ในช่วงครึ่งแรกทั้ง 2 ทีมผลัดกันรุก และรับอย่างสนุก กระทั่งนาที 43 เชลซี ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ เมสัน เมาต์ จ่ายบอลทะลุช่องจากบริเวณกลางสนามให้ ไค ฮาเวิร์ตซ์ หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับ เอแดร์ซอน ก่อนล็อกหลบแล้วยิงเข้าไปได้ พร้อมจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังนาที 60 แมนฯซิตี้ ต้องเสียกำลังสำคัญหลัง เควิน เดอ บรอยน์ เข้าปะทะกับ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ แล้วเจ้าตัวเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องโดนเปลี่ยนตัวออก
นาที 73 เชลซี เกือบทิ้งห่าง 2-0 จากจังหวะที่ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ลากบอลจากครึ่งสนามมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ แมนฯซิตี้ ก่อนจ่ายให้ คริสเตียน พูลิซิช ได้หลุดไปยิงในกรอบเขตโทษทว่าบอลไม่เข้ากรอบ
หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันเพิ่มได้ จบเกม เชลซี เฉือนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2020-21 ไปครอง และเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ต่อจากฤดูกาล 2011–12