หงส์แดงมีหืดก่อนชนะเอซี มิลาน อย่างสนุก ส่วนเรือใบเก็บชัยจากไลป์ซิกได้ หลังจากที่ทั้งคู่ถล่มตาข่ายกันอุตลุด ในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 15 กันยายน กลุ่มบี “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “ปีศาจแดงดำ”เอซี มิลาน จากอิตาลี

เกมนี้เจ้าถิ่นใช้งาน ดิว็อก โอริกี, ดิโอโก โชตา, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในแนวรุก ส่วนทีมเยือนมี อันเต เรบิช, บราฮิม ดิอาซ, ราฟาเอล เลเอา เป็นตัวจริง

เริ่มเกมมา 9 นาที เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีช่องพาบอลลุยเข้าพื้นเขตโทษด้านขวา แล้วตั้งใจจะเปิดต่อให้เพื่อน แต่ติดบล็อก ฟิคาโย โทโมรี ทำให้บอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลนำ 1-0

นาที 13 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยิงในเขตโทษไปติด อิสมาเอล เบนนาแซร์ แต่ผู้ตัดสินเห็นว่าบอลโดนแขน จึงให้จุดโทษแก่ลิเวอร์พูล โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงไปติดเซฟ ไมก์ เมญอง บอลกระฉอกออกมาให้ ดิโอโก โชโต พุ่งโหม่งซ้ำก็เจอเมญองปัดได้อีก

นาที 42 มิลานต่อบอลกันขึ้นมา ก่อนจะเป็น ราฟาเอล เลเอา จ่ายทะลุแนวรับเข้าเขตโทษให้ อันเต เรบิช ที่รออยู่โล่งๆ ยิงไม่พลาด สกอร์จึงเสมอกัน 1-1

นาที 44 อันเต เรบิช หลุดเข้าพื้นที่เขตโทษ แล้วส่งบอลหนีผู้รักษาประตูให้ เธโอ แอร์กน็องเดซ ยิงติดกองหลังที่สไลด์ตัวเข้ามาสกัด แต่บอลไม่พ้นจากหน้าปากประตู บราฮิม ดิอาซ จึงปราดเข้าซ้ำไม่เหลือ มิลานแซงนำเมื่อจบครึ่งแรก 2-1

ครึ่งหลังนาที 46 มิลานได้เตะมุมฝั่งซ้าย เธโอ แอร์กน็องเดซ เขี่ยสั้นให้เพื่อนแล้วรับบอลจ่ายคืนมา จากนั้นเปิดเรียดไปหน้าประตูถึง ไซมอน เคียร์ ยิงเผาขนเข้าไป ทว่าผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะของแอร์กน็องเดซแล้ว

นาที 49 ดิว็อก โอริกี งัดบอลข้ามแนวรับลอยเข้าเขตโทษให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปดีดผ่านนายทวารสู่ก้นตาข่าย แก้ตัวจากที่พลาดจุดโทษได้สำเร็จ พร้อมทำให้ลิเวอร์พูลตีเสมอ 2-2

นาที 69 ลิเวอร์พูลได้เตะมุมฝั่งขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเข้ามาแล้วแนวรับโหม่งสกัดไปบริเวณหน้าเขตโทษ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่รออยู่ตรงนั้นจึงวอลเลย์สวนทันที บอลพุ่งเสียบตาข่ายสวยงาม เจ้าถิ่นนำ 3-2

จากนั้นทั้งคู่พยายามเปิดเกมรุกใส่กัน แต่เกมรับก็เหนียวพอกันจนไม่มีประตูเพิ่ม จบการแข่งขันลิเวอร์พูลจึงชนะไปอย่างสนุก 3-2

อีกคู่ในกลุ่มนี้ แอตเลติโก มาดริด จากสเปน เสมอ ปอร์โต จากโปรตุเกส 0-0

Soccer Football – Champions League – Group A – Manchester City v RB Leipzig – Etihad Stadium, Manchester, Britain – September 15, 2021 Manchester City’s Jack Grealish shoots at goal REUTERS/Craig Brough

ด้านกลุ่มเอ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์เก่าจากอังกฤษ เปิดสนามเอติฮัด สเตเดียม รับการมาเยือนของไลป์ซิก จากเยอรมนี

นาที 16 แมนฯ ซิตี้ได้เตะมุมฝั่งซ้าย แจ๊ก กรีลิช เปิดโค้งเข้ามาให้ นาธาน อาเก ขึ้นโขกเสียบตาข่าย เจ้าถิ่นนำ 1-0

นาที 28 เควิน เดอ บรอยน์ พาบอลลุยแหวกผู้เล่นไลป์ซิกทางฝั่งขวาแล้วเปิดเข้าเขตโทษ นอร์ดี มูคิเอเล พยายามโหม่งสกัดแต่โดนเหลี่ยมไม่ดี บอลเลยเข้าประตูตัวเองไป ส่งให้แมนฯ ซิตี้นำห่าง 2-0

นาที 42 ไลป์ซิกเปิดบอลเข้าเขตโทษ นอร์ดี มูคิเอเล ขึ้นโขกชงให้ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ขวิดอีกทอดตุงตาข่าย ทีมเยือนตีไข่แตกเป็น 1-2

นาที 45 ผู้ตัดสินดูวีเออาร์แล้วพบว่า ลูคัส โคลสเตอร์มันน์ ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ จึงให้จุดโทษแก่แมนฯ ซิตี้ ริยาด มาห์เรซ สังหารไม่พลาด จบครึ่งแรกเจ้าถิ่นนำ 3-1

ครึ่งหลังนาที 51 ดานี โอลโม เลี้ยงพาบอลขึ้นมาเองจนเข้าพื้นที่ด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนหยอดให้ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ขึ้นโขกโดยไร้ตัวประกบตุงตาข่าย ไลป์ซิกไล่มา 2-3

นาที 56 รูเบน ดิอาส หวดบอลทิ้งจากแดนตัวเองขึ้นหน้าไปทางด้านซ้าย แจ๊ก กรีลิช ตามมาเก็บแล้วพาบอลเข้าเขตโทษ ก่อนโยกหลบคู่แข่งแล้วยิงเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม แมนฯ ซิตี้ทิ้งความห่างสกอร์เป็น 4-2

นาที 73 ยุสซุฟ โพลเซน รับบอลจากเพื่อนแล้วแทงเข้าเขตโทษให้ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู หลุดเข้าไปอัดมุมแคบตุงตาข่าย กลายเป็นแฮตทริกของตัวเอง และทำให้ไลป์ซิกไล่มา 3-4

นาที 75 มหกรรมยิงประตูของคู่นี้ยังไม่จบ อิลคาย กุนโดกัน ได้บอลหน้าเขตโทษแล้วส่งต่อให้ เชา คันเซโล ยิงไกลเต็มข้อ ลูกพุ่งเป็นจรวดเข้าไปสวยงาม แมนฯซิตี้นำ 5-3

นาที 79 ไลป์ซิกต้องเหลือ 10 คน อังเคลินโญ ปะทะใส่ เชา คันเซโล ในจังหวะวิ่งเข้าหาบอลพร้อมกัน อังเคลินโญจึงได้ใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

นาที 85 ริยาด มาห์เรซ ยิงไกลติดแนวรับคู่แข่งแล้วบอลหลุดมาหน้าประตู รูเบน ดิอาส จึงกวาดต่อให้ กาเบรียล เชซุส ยิงเข้าไป แมนฯ ซิตี้จึงชนะด้วยสกอร์ 6-3

ส่วนอีกคู่ คลับ บรูช จากเบลเยียม เสมอกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง จากฝรั่งเศส 1-1

ผลคู่อื่น

กลุ่มซี

เบซิกตัส(ตุรกี) 1-2 โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์(เยอรมนี)

สปอร์ติง ลิสบอน(โปรตุเกส) 1-5 อาแจ็กซ์(เนเธอร์แลนด์)

กลุ่มดี

เชริฟฟ์(มอลโดวา) 2-0 ชักตาร์ โดเน็ตส์ก(ยูเครน)

อินเตอร์ มิลาน(อิตาลี) 0-1 เรอัล มาดริด(สเปน)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน