หงส์แดงเปิดบ้านถล่มคริสตัล พาเลซ ผงาดขึ้นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ส่วนเรือใบสีฟ้าเล่นในถิ่นตัวเอง แต่เจาะตาข่ายเซาธ์แฮมป์ตันไม่ได้ สุดท้ายจึงเจ๊ากันไป

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 18 กันยายน “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “ปราสาทเรือนแก้ว”คริสตัล พาเลซ

เกมนี้เจ้าถิ่นจัด ดิโอโก โชตา, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน ลงสนาม ส่วนทีมเยือนใช้งาน คริสติยอง เบนเตเก, จอร์แดน อายิว, วิลฟรีด ซาฮา

เริ่มเกมมาเพียง 2 นาที พาเลซเกือบได้ประตู วิลฟรีด ซาฮา หลุดเข้าไปเล่นบอลโด่งในเขตโทษ แล้วพักบอลพลาดแต่เด้งเกือบกลายเป็นดี บีบให้นายทวารต้องปัดไปชนเสา

นาที 16 โอกาสเป็นของลิเวอร์พูลบ้าง ซาดิโอ มาเน เปิดจากฝั่งซ้ายลอยไปเสาสอง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วอลเลย์ตรงกรอบ นายทวารต้องปัดทิ้ง

นาที 38 เจ้าถิ่นน่าได้ประตูสุดๆ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดจากฝั่งขวาเข้ากลางให้ ติอาโก อัลคันตารา โขกติดเซฟนายทวาร ดิโอโก โชตา ตามซ้ำเหน่งๆ แต่ยิงข้ามคานเหลือเชื่อ

นาที 43 ลิเวอร์พูลได้เตะมุมฝั่งซ้าย คอสตาส ซิมิกาส เปิดเข้าเขตโทษ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โฉบมาโขกแบบไร้ตัวประกบโดนนายทวารเซฟ แต่บอลไม่ไปไหนไกลเลยถูก ซาดิโอ มาเน ยิงซ้ำไม่เหลือ เจ้าถิ่นจึงออกนำในครึ่งแรก 1-0

ครึ่งหลังนาที 68 โอกาสเป็นของลิเวอร์พูล นาบี เกอิตา รับบอลจากเพื่อนแล้วยิงจากระยะประมาณ 25 หลา นายทวารยังเซฟไว้ได้

นาที 72 พาเลซพลาดโอกาสทอง จากลูกเปิดเข้าเขตโทษ ออดซอนน์ เอดูอาร์ หลุดเข้ามาพักลงแบบโล่งๆ แต่มัวใจเย็นเกินเลยถูกผู้รักษาประตูปัดออกจากเท้าก่อนได้ยิง

นาที 79 ลิเวอร์พูลได้เตะมุมฝั่งซ้าย คอสตาส ซิมิกาส เปิดเข้ามาแล้วเกิดการแย่งโหม่งกัน บอลหลุดมาทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงเผาขนไม่เหลือ เจ้าถิ่นนำห่าง 2-0

นาที 81 พาเลซเกือบตีไข่แตก ออดซอนน์ เอดูอาร์ วิ่งเบียดกับ อิบราฮิมา โคนาเต เข้าเขตโทษ แล้วเอดูอาร์ยิงติดปลายเท้าโคนาเตแต่บอลยังตรงกรอบ อลิสซง เบ็กเกอร์ เซฟไว้ได้หวุดหวิด

นาที 89 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เตะมุมจากฝั่งขวาเข้ากลาง ผู้รักษาประตูชกออกมาหน้าเขตโทษเข้าทางปืน นาบี เกอิตา วอลเลย์สวนพุ่งเสียบตาข่ายสวยงาม ลิเวอร์พูลจึงชนะไปอย่างขาดลอย 3-0

ทำให้ผ่านไป 5 นัดเท่ากัน ลิเวอร์พูลยังไร้พ่ายต่อไป เก็บเพิ่มเป็น 13 แต้ม ขึ้นนำจ่าฝูง ด้านพาเลซมี 5 แต้ม อยู่อันดับ 13

อีกคู่ที่น่าสนใจ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนมเอติฮัด สเตเดียม รับการมาเยือนของ “นักบุญ”เซาธ์แฮมป์ตัน

เกมนี้เจ้าถิ่นส่ง กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง, แจ๊ก กรีลิช ลงสนาม ส่วนทีมเยือนใช้งาน อดัม อาร์มสตรอง, เช อดัมส์, เจมส์ วอร์ด-เพราส์

ครึ่งแรกไม่มีจังหวะยิงตรงกรอบที่ชวนหวาดเสียวเกิดขึ้น ทำให้ยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังนาที 61 แมนฯ ซิตี้เกือบตกที่นั่งลำบาก อดัม อาร์มสตรอง หลุดเข้าเขตโทษแล้วโดน ไคล์ วอล์กเกอร์ ปะทะไม่ให้ยิง ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษแก่เซาธ์แฮมป์ตัน พร้อมแจกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงแก่วอล์กเกอร์

อย่างไรก็ตาม หลังพิจารณาภาพวีเออาร์ ผู้ตัดสินจึงเปลี่ยนใจไม่ให้เป็นการฟาวล์ และยกเลิกใบเหลืองของวอล์กเกอร์ด้วย ทำให้แมนฯ ซิตี้รอดตัวไปหวุดหวิด

จากนั้นจนแล้วจนรอดก็ไม่มีฝั่งไหนยิงเพิ่มได้ จบเกมจึงเสมอกัน 0-0 ผ่านไป 5 นัดเท่ากัน แมนฯ ซิตี้เก็บเพิ่มเป็น 10 แต้ม รั้งรองจ่าฝูง ด้านเซาธ์แฮมป์ตันมี 4 แต้ม อยู่อันดับ 15

ผลคู่อื่น

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-2 เบรนต์ฟอร์ด

เบิร์นลีย์ 0-1 อาร์เซนอล

นอริช ซิตี้ 1-3 วัตฟอร์ด

แอสตัน วิลลา 3-0 เอฟเวอร์ตัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน