ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เผย จับมือเอกชนส่งทีมเจรจา 3-4 วันจบดีลยิงสด เอเชียนคัพ ชี้ค่าลิขสิทธิ์ไม่สูงอย่างที่เป็นข่าว เผยต่อหากช้างศึกฉลุยเข้ารอบ 16 ทีม มียิงสดให้ชมต่อแน่นอน

ความเคลื่อนไหวหลังจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า พีพีทีวี เอชดี และ ทีสปอร์ตส์ 7 ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล เอเชียนคัพ 2023 ในประเทศไทยไปครองเรียบร้อยแล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ม.ค.67 ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้จะเห็นว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะไม่เข้าไปแทรกแซงการเจรจาของภาคเอกชน เนื่องจาก ไม่ใช้หน้าที่ของ กกท. และเงื่อนไขของช่องทีสปอร์ตนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าจะไม่สามารถเข้าไปเสนอราคาแข่งกับภาคเอกชนได้ และอย่างที่ทราบกันดีว่าที่ผ่านมาก็มีความพยายามจากภาคเอกชน ที่พยายามเข้าไปเจรจาเพียงแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ

“หลังจากนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีหนังสือร้องขอมายัง การกีฬาแห่งประเทศไทย ให้ช่วยเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเข้ามา ซึ่งก็เป้นไปตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้แฟนกีฬาชาวไทยได้ชมและเชียร์ทีมชาติไทย กกท. จึงไปจับมือกับภาคเอกชนในการเข้าไปเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล เอเชียนคัพ 2023 ของทีมชาติไทย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องให้เครดิตทางภาคเอกชนด้วยที่เข้ามามีส่วยนร่วม ทำให้ช่องในการท่ายทอดสดจะเป็น พีพีทีวี เอชดี และ ทีสปอร์ตส์ 7 ถ่ายคู่กันเป็นหลัก ส่วนตัวเลขของงบประมาณนั้นยังบอกไม่ได้ เนื่องจากมีส่วนของเอกชนด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ได้สูงอย่างที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน” ดร.ก้องศักด กล่าว

ดร.ก้องศักด กล่าวต่อไปว่า การถ่ายทอดสด จะเริ่มตั้งแต่นัดแรกไปจนถึงนัดสุดท้ายของทีมชาติไทย ซึ่งในการพูดคุยกับเจ้าของลิขสิทธิ์ ก็ได้พูดคุยไปถึงหากทีมชาติไทยสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ก้จะมีการถ่ายทอดสดให้ชมอย่างแน่นอน ดังนั้นเราก็ต้องช่วยกันเชียร์ทีมชาติไทยให้ผ่านเข้ารอบให้ได้ โดยในการเจรจาครั้งนี้ใช้เวลา 3-4 วันเท่านั้นจึงได้ข้อสรุปทั้งหมดออกมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน