ภาพบรรยากาศ เรอัล มาดริด สโมสรดังจาก ลา ลีกา สเปน ฉลองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นแชมป์สมัยที่ 15 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบ์ลีย์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน เรอัล มาดริด จาก ลา ลีกา สเปน ลงสนามพบกับ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ จากบุนเดสลีกา เยอรมนี
เกมนี้ เรอัล มาดริด ส่ง ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริงหลังจากที่เขาเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ ขณะที่อังเดรย์ ลูนิน ที่ก่อนหน้านี้โชว์ฟอร์มแจ่ม มีรายงานว่าบาดเจ็บและเกมนี้เจ้าตัวมีชื่อบนม้านั่งสำรอง
เปิดฉากมาครึ่งแรก แม้ว่าเรอัล มาดริด จะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่กลับเป็นฝั่ง โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ที่มีโอกาสลุ้นประตูที่ชัดเจนกว่า แต่สุดท้ายก็ยังทำประตูไม่ได้ หมดเวลา 45 นาทีแรก ยังเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังเปิดฉากมาทีมราชันชุดขาวได้ลุ้นจากจังหวะฟรีคิก โทนี โครส รับหน้าที่ยิงปั่นโค้ง แต่นายด่านเสือเหลืองยังปัดทิ้งไปได้ ในนาที 48
ครึ่งหลัง มาร์โก รอยส์ แข้งชาวเยอรมัน ที่ก่อนหน้านี้ออกมาประกาศว่าจะอำลาโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทน คาริม อเดเยมี ในนาที 72
แต่หลังจากนั้นในนาที 74 กลายเป็นทีมราชันชุดขาว ที่ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะลูกเตะมุม โทนี โครส เปิดเข้ามาให้ ดานี คาร์บาฆาล โขกเข้าไปอย่างสวยงาม
ก่อนที่นาที 83 เรอัล มาดริด นำห่าง 2-0 จากจังหวะความผิดพลาดของ เอียน มัตเซน ที่จ่ายบอลในแดนตัวเอง แต่โดน จูด เบลลิงแฮม ฉกไปได้ ก่อนจ่ายต่อให้ วินิซิอุส จูเนียร์ รับบอลต่อและลากเข้าไปยิงในเขตโทษอย่างเฉียบคม
จากนั้นนาที86 นิคลาส ฟูลล์ครูก โขกบอลเข้าประตูไป แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหนัา ทำให้ดอร์ตมุนด์ชวดได้ประตูตีตื้น
ช่วงที่เหลือไม่มีทีมไหนทำประตูกันเพิ่มได้ จบเกม เรอัล มาดริด ชนะไป 2-0 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้เป็นสมัยที่ 15 ของสโมสร