บราซิลกับงานป้องแชมป์ – อีกหนึ่งกีฬาที่เป็นไฮไลต์ของโอลิมปิกเกมส์ทุกสมัย นั่นก็คือ ฟุตบอล กีฬาขวัญใจมหาชน แม้เป็นทีมชุดอายุไม่เกิน 23 ปี บวกกับแข้งอายุเกิน 3 คน แต่ก็ปะทะแข้งกันสูสีและเข้มข้น

โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้พิเศษตรงที่นักเตะซึ่งเข้าร่วมนั้นจะเลื่อนอายุออกเป็น 24 ปี ด้วยเหตุผลที่การแข่งถูกเลื่อนมา 1 ปี

แน่นอนทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์โอลิมปิกในครั้งนี้ไปครองคงจะหนีไม่พ้นบราซิล แชมป์เก่าเมื่อปี 2016 ที่หมายมั่นปั้นมืออย่างมากว่าจะสามารถป้องกันแชมป์ได้

อังเดร ชาร์ดีเน กุนซือทัพ “แซมบ้า” ชุดนี้ เน้นหนักตั้งแต่การเรียกตัวผู้เล่น เดิมทีพวกเขาจะเรียกซูเปอร์สตาร์อย่าง เนย์มาร์ จากปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาช่วยทีมด้วย ทว่าถูกต้นสังกัดปฏิเสธ เนื่องจากทับซ้อนกับช่วงออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่

กระนั้น ขุมกำลังที่มีทั้ง 18 คน นำทัพโดย ดาเนียล อัลเวส (เซา เปาโล), ดิเอโก คาร์ลอส (เซบีญา) และ ซานโตส (แอตเลติโก พาราเนนเซ) มาในโควตานักเตะอายุเกิน ผสานกับบรรดาผู้เล่นเลือดใหม่ฝีเท้าดีอย่าง กาเบรียล มากัลเญส (อาร์เซนอล), ดักลาส หลุยซ์ (แอสตัน วิลลา), มัลคอม (เซนิต เซนส์ ปีเตอร์สเบิร์ก), มาเตอุส คุนญา (แฮร์ธา เบอร์ลิน), ริชาร์ลิสัน (เอฟเวอร์ตัน)

จากการเรียกตัวผู้เล่นดังกล่าวทำให้มองว่าชาร์ดีเนนั้นได้วางแผนมาเป็นอย่างดีในการ พึ่งพลังของแข้งดาวรุ่งในเกมรุก และใช้แข้งประสบการณ์ประคองในเกมรับ เพราะผู้เล่นอายุเกินที่เรียกมานั้นเป็นกองหลัง 2 คน และผู้รักษาประตู 1 คน

อย่างไรก็ตาม “เซเลเซา” ชุดนี้ต้องเจอบททดสอบตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม เนื่องจากพวกเขาอยู่กลุ่มดีร่วมกับเยอรมนีอีกหนึ่งทีมเต็งแชมป์ และคู่ปรับเก่าที่เคยสู้กันมาแล้วในรอบชิงชนะเลิศของโอลิมปิก 2016

นอกจากเยอรมนีแล้ว ยังมีอีกหลาย บิ๊กทีมที่เป็นอุปสรรคในการป้องกันแชมป์ของบราซิล ไม่ว่าจะเป็นเจ้าภาพญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, สเปน และอาร์เจนตินา เป็นต้น

แม้เส้นทางการป้องกันแชมป์ฟุตบอลชายของบราซิลในโอลิมปิก 2020 จะไม่ใช่งานง่าย แต่เชื่อว่าผู้เล่นทุกคนพร้อมสู้เต็มที่ เพราะนี่ถือเป็นเหรียญแห่งศักดิ์ศรีของชาติ ซึ่งประชาชนทุกคนรักฟุตบอลเหมือนชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน