หลังเกิดเรื่องราวดราม่าถึงความพ่ายแพ้ของ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ที่มีต่อ ลาซาโร่ อัลวาเรซ” นักชกจอมเก๋าจากคิวบา ไปแบบคู่คี่สูสี 2-3 เสียง จนทำให้ตกรอบ 8 คนสุดท้ายมวยสากลกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 โดยกระแสในโลกโซเชียลมีทั้งบอกว่า เจ้าสด สมควรเป็นผู้ชนะ รวมถึงการแข่งขันสามารถออกหน้าไหนก็ได้

ล่าสุด “บิ๊กชาย” นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีม และประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยฯ กล่าวว่า ตนพูดในฐานะคนทำมวยคิดว่าเราไม่น่าแพ้แต่ก็ยอมรับในคำตัดสินของกรรมการในการทำหน้าที่ครั้งนี้ อย่างที่บอกทั้งคู่ต่างมีดีกรีและมีประสบการณ์ที่สูงพอๆ กันหากเกมไม่ขาดโอกาสที่จะออกหน้าไหนก็ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องชื่นชมสปิริตของ “เจ้าสด” ทำหน้าที่ครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากถือเป็นแบบอย่างให้กับนักชกรุ่นน้องได้เอาเยี่ยงอย่าง

ประธานพัฒนาเทคนิคฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ต้องชื่นชมโค้ชทั้ง 3 คน “แซม” กามนิตย์ นารีรักษ์ ,เพิก พึ่งปัญญา และ ชัยชุมพล ชำนาญมาก ที่ร่วมทำงานในการแก้เกมและวางแผนการชกให้กับนักมวยทุกคนในการแข่งขันกีฬามวยโอลิมปิกเกมส์หนนี้ได้เป็นอย่างดี นักมวยหญิง 3 คนเป็นน้องใหม่ในโตเกียวเกมส์แต่ทุกคนนทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านเข้าถึงรอบ 8 คนกับรอบ 16 คนได้ก็ต้องยกนิ้ว โดยเฉพาะในคู่ของ “ฉัตร์ชัยเดชา กับ นักชกคิวบา” ที่เกมเบียดชนิดหายใจรดต้นคอแบบลุ้นกันสนุก เพียงแต่การตัดสินไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ก็เท่านั้น

ในเรื่องของการตัดสินตนรับได้ เพราะทางไอโอซีหรือคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ก็ได้เน้นย้ำอยู่ตลอดถึงความโปร่งใส เท่าที่ได้ทราบข้อมูลมาจะมีการประเมินผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ทุกวันว่าใครมีข้อผิดพลาดตรงไหนตั้งใจหรือไม่ โดยทางไอโอซีพยายามขจัดปัญหาเรื่องการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมหรือตัดสินแบบมีใบสั่งให้หมดไป ถึงขนาดมีการติดตั้งกล้องไว้ที่โต๊ะกรรมการให้คะแนนทุกคนเพื่อดูพฤติกรรมว่ามีพิรุจในการให้คะแนนหรือไม่ เท่าที่ดูการตัดสินในหลายคู่ก็ไม่มีปัญหาหลายชาติยอมรับไม่มีการประท้วงแต่อย่างใด แต่การผิดพลาดนั้นคิดว่าอาจเป็นที่ตัวบุคคลมากกว่า รวมถึงประสบการณ์ของบางคนยังน้อยเกินไป ตั้งแต่แมตช์แรกจนถึงขนาดนี้มีผู้ตัดสินที่ถูกพักงาน 4-5 คน และถูกส่งตัวกลับแค่ 1 คน “บิ๊กชาย” กล่าวตอนท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน