สสจ.เตือน! ลาวาโคลน ห้ามกิน-พอกตัว นักธรณีวิทยา เผยค่ากรดด่างสูง เทียบเท่าผงซักฟอก

จากกรณีที่ชาวบ้าน บ้านหนองกุงน้อย ม.10 ต.โคกกระเบื้อง อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา แห่กันนำเอาขวดไปใส่โคลนที่ผุดขึ้นมา บริเวณกลางทุ่งนา เพื่อนำไปพอกตัว รักษาโรคปวดเมื่อย พอกหน้า เพื่อให้ใบหน้าขาวใส ตามความเชื่อว่าเป็นโคลนวิเศษ รักษาโรคต่างๆได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ชาวบ้านยังแห่ กินโคลนมหัศจรรย์ ไม่สนคำเตือนสธ. เชื่อมีเจ้าเมืองบาดาลอาศัยอยู่)

คืบหน้าล่าสุด วันที่ 13 ก.พ. ว่าที่ร้อยตรีนิรันดร์ ดุจจานุทัศน์ รองผู้ว่าราชการจ.นครราชสีมา นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอำเภอบ้านเหลื่อม ลงพื้นที่ตรวจสอบโคลนผุด หลังจากชาวบ้านนำไปพอกตัว พอกใบหน้า เพื่อรักษาโรคปวดเมื่อย โดยมีชาวบ้านบางคน นำเอาน้ำจากพื้นที่ไปดื่มกิน เพื่อรักษาโรค โดยมีความเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์

นายแพทย์นรินทร์รัชต์ กล่าวว่า มีชาวบ้านทั้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคอีสานเดินทางมานำโคลนไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ถึงอันตรายของโคลน ไม่สามารถนำไปใช้ดื่มหรือใช้พอกหน้าได้ เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคฉี่หนู

“โดยได้ให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่าง น้ำ ดินโคลน ไปตรวจสอบที่สำนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบสารปนเปื้อน เพื่อให้ทราบผลที่ชัดเจน ช่วงที่ระหว่างรอฟังผล ได้แจ้งเตือนให้ชาวบ้าน อย่านำดินโคลน หรือน้ำไปดื่มกิน เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค จากสารปนเปื้อนในดินได้” นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นอกจากนี้ที่สำนักงานทรัพยากรณีเขต2 จ.ขอนแก่น นายประดิษฐ์ นูเล นักธรณีวิทยาชำนาญการ สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 (ขอนแก่น) กรมทรัพยากรธรณี เผยว่า จากปรากฎการณ์โคลนพุหรือโคลนผุดนั้น ขณะนี้นักทรัพยกรธรณีลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว พบว่ามีลักษณะของโคลนไหลออกมาจากรู หรือรอยแยกบนผิวดินกว่า 20 จุด หลังจากการลงพื้นที่สำรวจ ได้เก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจวิเคราะห์แล้ว

ปรากฏการณ์ดังกล่าวเรียกว่า โคลนพุ ซึ่งเกิดจากปัจจัย 3 ส่วน ประกอบด้วย เกิดจากน้ำบาดาล หรือน้ำใต้ดินที่มีแรงดันหลังทำปฏิกิริยากับแร่ดิน ส่วนใหญ่เป็นดินชนิดมอนต์มอริลโลไนต์ ที่มีทั้งโซเดียมมอนต์มอริลโลไนต์ แคลเซียมมอนต์มอริลโลไนต์ และแคลไซต์มอนต์มอริลโลไนต์ มีคุณสมบัติที่เพื่อถูกน้ำจะพองตัว ประกอบกับเจอรอยแตกแยกของพื้นดินจึงผุดขึ้นมา ซึ่งในภาคอีสานพบเจอหลายแห่ง สังเกตได้จากชื่อหมู่บ้าน,ตำบล,อำเภอ ที่มักมีคำว่า น้ำผุด ต่อท้าย” นายประดิษฐ์ กล่าว

นายประดิษฐ์ กล่าวต่อว่า ไม่ขอแนะนำและไม่สมควรอย่างยิ่งที่นำไปดื่ม เพราะจากการวิเคราะห์ค่ากรดด่างขอน้ำในจุดดังกล่าว พบว่ามีค่าด่างค่อนข้างสูง ถึง 9.7 ขณะที่บางคนนำไปทาตัวแล้วบอกว่ารักษาอาการเจ็บป่วยได้นั้นถือเป็นความเชื่อ เพราะผลวิเคราะห์ในเบื้องต้นที่มีสารมอนต์มอริลโลไนต์ที่เมื่อถูกน้ำจะพองแห้งจะตึง จึงเชื่อกันว่าจะทำให้ผิวหนังเต่งตึง อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าไม่แนะนำให้ทาตัวเพราะน้ำโคลนนี้มีความเป็นด่างค่อนข้างสูงเทียบเท่าผงซักฟอก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน