พีมูฟ ยอมกลับบ้าน หลังพอใจผลการประชุม เร่งทำเอกสารเสนอนายกฯ ครม.เผยแก้ไม่สำเร็จ ส่งต่อรัฐบาลหน้า

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. การชุมนุมของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟในวันที่ 3 ได้ข้อสรุปภายหลังจาก นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเรียกประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่แก้ไขปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 100 กรณี โดยเชิญคณะอนุกรรมการทั้ง 8 ชุด ทั้งผู้แทนหน่วยงานราชการและผู้แทนชาวบ้านร่วมกันพิจารณาตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมง

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายสุวพันธุ์ เดินทางมาพบชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่ข้างทำเนียบ พร้อมกล่าวว่า ไม่เคยละเลยหรือไม่เคยไม่เอาใจใส่ โดยก่อนประชุมกับพีมูฟตนรู้สึกเครียดก่อน 1 วันเพราะต้องรับมือกับประเด็นต่างๆ แต่เมื่อประชุมเสร็จทุกอย่างก็ราบรื่นและรัฐบาลได้รู้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเอาใจใส่และให้คำแนะนำมาโดยตลอด

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้ได้ประชุมกันหลายเรื่อง บางเรื่องเป็นเชิงนโยบายรัฐบาลก็รับเอาไปหารือกับภาคส่วนต่างๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือวันนี้ปัญหาทั้งหมดของชาวบ้าน เราจะรวบรวมเอาความคืบหน้า แนวทางแก้ปัญหาเป็นเอกสารเพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) และมอบให้นายกรัฐมนตรี เพราะต้องการให้ ครม.รับทราบเพื่อส่งปัญหาให้รัฐบาลชุดใหม่ได้รับรู้และแก้ปัญหาต่อไป

“เราจะรีบทำเอกสารเพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขเร็วที่สุด อยากให้พี่น้องสบายใจ และอยากให้กลับภูมิลำเนาดูแลครอบครัว ใช้ชีวิตสะดวกสบายกว่าอยู่ตรงนี้ วันนี้รัฐบาลได้รับทราบ และการประชุม 7 ชั่วโมง เพราะเราต้องการเอาใจใส่ปัญหาของชาวบ้าน ผมอยากเห็นกรณีต่างๆได้รับการแก้ไข ระหว่างนี้ไปจนถึงมีรัฐบาลใหม่ เราจะทำงานต่อ ขอให้อยู่บ้านฉลองสงกรานต์กันให้ยาว ไม่ต้องมาแล้ว” นายสุวพันธุ์ กล่าว

นายสุวพันธุ์ กล่าวต่อว่า นายกฯรัฐมนตรีฝากมาว่าอยากให้ทุกคนได้อยู่กับครอบครัว หากมีปัญหาอะไรขอให้บอกกับตัวแทนของทุกคน ทุกปัญหาหากมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันก็จะแก้ไขปัญหาได้ และภาคราชการเองก็ทำงานด้วยความเต็มใจ แม้ต้องฟังเสียงตำหนิและถูกถล่มในที่ประชุม แต่ก็รับเรื่องราวของชาวบ้านไปแก้ไข บางเรื่องที่ยังทำไม่ได้ก็จะถูกนำไปแก้ไขในวันข้างหน้า

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ด้านนายประยงค์ ดอกลำไย แกนนำพีมูฟ กล่าวว่า ปัญหาทั้งหมด 120 กรณี ไม่ได้มีการพิจารณาทั้งหมด โดยเรื่องที่จะผ่านคณะกรรมชุดใหญ่คือเรื่องเร่งด่วน เช่น ไฟไหม้ชุมชนมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์ เรื่องคดีที่จะสู่การพิจารณาของศาล กลุ่มที่สองที่พิจารณาคือเรื่องที่ผ่านอนุกรรมการฯมาแล้ว โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯมีข้อจำกัดคือไม่สามารถสั่งการรัฐมนตรีกระทรวงอื่นได้

นายประยงค์ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นจึงเป็นบทเรียนในการเคลื่อนไหวยุคต่อไปว่าประธานควรเป็นรองนายกฯ แต่รัฐบาลชุดนี้รองนายกฯ ไม่ค่อยเข้าใจปัญหาของชาวบ้าน จึงเลือกเอารัฐมนตรีประจำสำนักนายก ซึ่งเมื่อได้มติใดๆ ก็ต้องประสานกับรัฐมนตรีอื่นๆอีกที

นายประยงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดอีกประการเมื่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเป็นประธาน อนุกรรมการชุดต่างๆ ไม่สามารถแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นประธานได้เพราะศักดิ์ศรีเท่ากัน จึงเห็นประธานอนุกรรมการฯมักไม่มาประชุมเพราะหากได้ข้อยุติแล้วรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยก็จะซวย มีตัวอย่างชัดเจนคือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

“วันนี้เราประสบความสำเร็จในเป้าหมายหลายเรื่อง แม้แก้ปัญหาไม่จบแต่หลายเรื่องก็ยันอยู่ อย่าตั้งคำถามว่าสู้มา 4 ปีในรัฐบาลนี้ได้อะไรบ้าง แต่โปรดตั้งคำถามว่าถ้าไม่สู้เราจะเสียอะไรบ้าง หลายคนจะได้สู้อยู่ที่นี่หรืออยู่ในเรือนจำ เราต้องเชื่อมั่นในพลัง แม้จะถูกดูถูกจากนายกฯว่ามาโหวกเหวง แต่ก็ต้องสู้” นายประยงค์ กล่าว

ขณะที่นายจำนง จิตรนิรัตน์ แกนนำพีมูฟ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณากรณีสร้างบ้านหลังใหม่ให้ชาวมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา แทนบ้านที่ถูกไฟไหม้กว่า 60 หลัง แต่เนื่องจากบ้านที่สร้างใหม่มีความคับแคบดังนั้นจึงอยากให้มีการชะลอตอกเสาและพิจารณาในเรื่องการวางผังบ้านให้ขยายขึ้น ซึ่งในที่ประชุมนายสุวพันธุ์เห็นด้วยที่จะชะลอการสร้างบ้านไว้ก่อนและให้คณะกรรมการชาวเลพิจารณาสนับสนุนในประเด็นนี้ด้วย

“การประชุมคณะกรรมชุดใหญ่ครั้งนี้ สามารถผลักดันปัญหา 60-70 % ให้ขับเคลื่อนสู่การแก้ปัญหาได้ เช่น กรณีคดีความที่ชาวบ้านถูกฟ้องขับไล่ ก็ให้มีการชะลอหรือถอนคดี หรือกรณีห้วยฝั่งแดงที่ชาวบ้านขอค่าชดเชยก็ได้ข้อยุติโดยเปลี่ยนจากคำว่าค่าชดเชยเป็นค่าสูญเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ” นายจำนง กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากทราบมติ ชาวบ้านต่างพอใจในผลการประชุมและแยกย้ายกันเดินทางกลับภูมิลำเนา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน