‘อัจฉริยะ’ ร้องปคม.เอาผิด เจ้าอาวาสขืนใจนร. จนท้อง ชี้เป็นคดีอาญายอมความไม่ได้แปลกใจ สภ.หนองสองห้อง ดำเนินคดีเพียงแค่ข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น

เจ้าอาวาสขืนใจนร. / เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม และร.ต.อ.ฉัตรพงษ์ ธรรมสอน รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีกับ นายสง่า วงศ์เมือง อายุ 52 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดเมืองดู่ ต.เมืองฝาง จ.บุรีรัมย์ ฉายาพระสุริยะพร ภายหลังก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิง เริ่มตั้งแต่อายุ 13 ปี ขณะนั้นยังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในต.เมืองฝาง จ.บุรีรัมย์ จนถึงอายุ 18 ปี เป็นเหตุให้ตั้งครรภ์ 5 เดือน

จากนั้นไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครองชดใช้ความเสียหายในราคา 1.5 แสนบาท ก่อนหลบหนีไปกบดานที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในอ.ประทาย ต.ประทาย จ.นครราชสีมา ก่อนถูกทางเจ้าหน้าที่กองปราบปรามนำตัวไปให้เจ้าอาวาสวัดกะโดนทำการสึกและใช้ชีวิตตามปกติ

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ในวันนี้ตนนำหลักฐานมายื่นให้ทางเจ้าหน้าที่บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีกับนายสง่า ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ โดยก่อเหตุกับเด็กหญิงตั้งแต่อายุ 13 ปี มาจนถึงอายุ 18 ปี และตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ซึ่งตนแปลกใจว่า สภ.หนองสองห้อง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุถึงดำเนินคดีเพียงแค่ข่มขืนกระทำชำเราในตอนอายุ 18 ปีเท่านั้น

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

อีกทั้งพฤติการณ์ของอดีตเจ้าอาวาสยังถ่ายคลิปวีดีโอต่างๆ ตั้งแต่ผู้เสียหายอายุเพียงแค่ 13 ปี โดยแท้จริงแล้วเป็นข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กที่อายุไม่เกิน 15 ปี และพรากผู้เยาว์ ซึ่งเป็นคดีอาญาและยอมความไม่ได้

รวมทั้งพนักงานสอบสวนสภ.หนองสองห้อง ยังระบุว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายอายุเกิน 18 ปีแล้ว จึงเป็นคดีที่ยอมความได้ และทางครอบครัวผู้เสียหายถอนแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อยอมความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ตนเกิดข้อสงสัย เพราะอะไรถึงไม่ดำเนินคดีตั้งแต่ขณะก่อเหตุตอนอายุ 13 ปี และไม่สอบสวนถึงข้อเท็จจริง ซึ่งผิดปกติ จนเป็นเหตุให้ไม่ได้รับโทษแม้แต่อย่างใด ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้ทางบก.ปคม. เอาผิดกับบุคคลดังกล่าว ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี และพรากผู้เยาว์

ด้าน พ.ต.อ.มานะ เปิดเผยว่า ภายหลังทราบเรื่องทางบก.ปคม. ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทราบข้อมูลว่า มีการก่อเหตุในลักษณะนี้จริงและมีสถานีตำรวจในพื้นที่ดูแลคดีนี้อยู่ ส่วนทางบก.ปคม. จะลงไปดูอีกครั้งในส่วนเรื่องที่ทางนายอัจฉริยะมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ในประเด็นที่มองข้ามไปซึ่งสังคมยังเกิดข้อสงสัย ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องอ่อนไหวทางศาสนา ทางบก.ปคม.จะรวบรวมพยานหลักฐานและข้อกฎหมายที่ยังไม่ถูกดำเนินการจะต้องดำเนินการตามอนุมานหน้าที่อีกครั้ง

โดยขณะนี้พบมูลความผิดในส่วนหนึ่งและจะต้องสอบสวนอย่างชัดเจน เพื่อยืนยันได้ว่าก่อนหน้านี้มีการกระทำความผิดและข้ามประเด็นนี้ไปหรือไม่อย่างไร เพื่อให้ข้อเท็จจริงประจักษ์ชัด นอกจากนี้ จะต้องเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำใหม่เพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน