เจ้าของร้านแจง ทำภาพสำคัญ ชิ้นเดียวในโลกของลูกค้าหาย ยันไม่ได้นิ่งนอนใจ

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pitchaya Jaidee โพสต์ภาพยันต์ที่เป็นรูปเทพเจ้าตามความเชื่อส่วนตัว พร้อมระบุว่า นำยันต์ที่เป็นรูปภาพเทพเจ้าตามความเชื่อ ขนาดกว้าง 18นิ้ว ยาว 24นิ้ว ที่บูชามาจากประเทศเนปาล พร้อมกับภาพอื่นที่มีขนาดเล็กอีก 4 ภาพ ไปใส่กรอบที่ร้านแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ แต่ว่าเมื่อไปรับภาพที่ใส่กรอบหลังเทศกาลปีใหม่ ปรากฏว่าได้รับคืนแต่ภาพขนาดเล็ก 4 ภาพเท่านั้น ส่วนภาพยันต์รูปเทพเจ้าที่มีขนาดใหญ่ ทางร้านแจ้งว่าหาไม่พบ แต่จะลองค้นหาให้อีกครั้ง หากยังไม่พบจะรับผิดชอบให้เป็นเงิน 2,000 บาท

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

โดยผู้โพสต์ระบุว่า ไม่ได้ต้องการเงิน เพราะยันต์ดังกล่าวนอกจากจะมีมูลค่าจริงไม่น้อยกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐแล้ว ยังมีคุณค่าทางจิตใจที่ประเมินค่าไม่ได้ เนื่องจากเป็นงานทำมือและมีชิ้นเดียวในโลก ซึ่งต้องการให้ทางร้านแสดงความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากให้ติดตามหายันต์คืนกลับมาให้ได้ และขอความร่วมมือว่าหากผู้ใดพบเห็นยันต์ดังกล่าวหรือติดมือไปที่ใด อยากให้ช่วยแจ้งเบาะแสหรือนำมาคืน

ล่าสุด นางมาลี ศักดิ์ชัยยันต์ อาย 56 ปี เจ้าของร้าน เผยว่า ร้านของตัวเองเป็นร้านที่ทางผู้ใช้เฟซบุ๊กพาดพิงถึง และรับว่าเป็นความผิดของทางร้านด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมาได้ขอโทษลูกค้าไปแล้ว อย่างไรก็ตามชี้แจงว่า ทางร้านไม่ได้นิ่งนอนใจในการที่จะพยายามค้นหาติดตามยันต์ดังกล่าวมาคืนให้กับลูกค้า ทั้งการค้นหาในร้านและตรวจสอบว่ามีลูกค้ารายอื่นที่มารับของไปผิดหรือไม่ โดยมีการพิมพ์ป้ายไวนิลติดประกาศไว้หน้าร้านด้วย แต่จนถึงเวลานี้ไม่ทราบจริง ๆ ว่ายันต์ดังกล่าวไปอยู่ที่ใด

นางมาลี กล่าวว่า ตอนที่ลูกค้านำยันต์มาให้ใส่กรอบทางร้าน ไม่ทราบว่ายันต์ดังกล่าวนั้น ลูกค้านำมาจากที่ใด และมีราคาสูงมากน้อยเพียงใด เพราะทางร้านมีหน้าที่เพียงใส่กรอบให้กับลูกค้าเท่านั้น พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ได้นำไปขายต่อแน่นอน เพราะทำอาชีพรับทำกรอบรูปมานานประมาณ 30 ปีคงไม่ทำลายอาชีพของตัวเองอย่างนี้

“ส่วนที่บอกว่าจะชดใช้เงินให้ 3,000 บาท กรณีที่หายันต์กลับมาคืนให้ลูกค้าไม่ได้นั้น เป็นทางออกที่ทางร้านพยายามจะแสดงความรับผิดชอบหากหาไม่พบจริง ๆ ซึ่งสำหรับทางร้านจำนวนเงินดังกล่าวถือว่ามากพอสมควร เทียบกับรายได้และกำไรจากการรับทำกรอบรูปที่ไม่ได้มากมาย” นางมาลี กล่าว

นางมาลี กล่าวต่อว่า ลูกค้านำมาให้ใส่กรอบพร้อมกับยันต์ที่มีขนาดเล็กกว่าอีก 4 ผืน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 62 ตกลงราคากันที่ 1,750 บาท ลูกค้าวางมัดจำ 500 บาทและทางร้านนัดให้มารับในวันที่ 12 ธ.ค.62 แต่เมื่อถึงเวลานัดไม่มารับ จนกระทั่งวันที่ 18 ธ.ค.62 โทรศัพท์ไปตาม แต่ลูกค้าไม่รับสาย และในวันที่ 24 ธ.ค.62 โทรศัพท์ไปหาได้คุยกับลูกค้า ซึ่งบอกว่าจะมารับของ แต่ก็ยังไม่มาอีก

“จนกระทั่งมารับในวันที่ 4 ม.ค.63 และพบว่ายันต์ดังกล่าวหายไป พร้อมกับที่ลูกค้าบอกว่าเป็นยันต์ที่บูชามาจากประเทศเนปาลในราคาประมาณ 600 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 19,200 บาท และมีคุณค่าทางจิตใจมาก” นางมาลี กล่าว

นางมาลี กล่าวต่อว่า ยอมรับว่าทางร้านรู้สึกเสียใจและขอโทษอย่างสุดซึ้งที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น รวมทั้งกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการติดตามหายันต์ดังกล่าวกลับมาคืนให้ลูกค้าให้ได้ โดยกรณีที่เกิดขึ้นนี้ทางลูกค้าและตัวเองได้มีการไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจแล้ว

“หากสุดท้ายหายันต์ไม่พบจริงๆ พร้อมที่จะชดใช้เงินให้ แต่คงไม่สามารถชดใช้ให้ได้เป็นจำนวนสูงเท่าที่ลูกค้าเรียกร้องได้ หรือจะให้ติดต่อบูชายันต์แบบเดียวกันจากร้านเดียวกันที่ประเทศเนปาลมาให้ก็ได้ อยากขอความเห็นใจให้ทางร้านเช่นกัน เพราะไม่มีเจตนาทำให้ลูกค้าเสียหาย แต่หลังจากที่ลูกค้ามีการนำเรื่องราวไปโพสต์เผยแพร่ทำให้ทางร้านได้รับความเสียหายไม่น้อยเหมือนกัน” นางมาลี กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน