ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชี้แจงปม เด็กเสียชีวิต 40 ราย ในเดือนกันยายน ขณะที่อัจฉริยะ เตรียมฟ้องโรงพยาบาลและหมอทำคลอด พ่อแม่แจ้งความเอาผิด

วันที่ 15 ต.ค. 2563 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อนำผู้เสียหายเข้าแจ้งความ หลังคลอดลูก ที่โรงพยาบาลแล้วเสียชีวิต โดยมี พ.ต.ท.อนุรักษ์ ดีคล้าย สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เป็นผู้รับผิดชอบคดี ซึ่งในวันนี้มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความเพิ่มอีก 1 ราย รวมทั้งหมด 4 ราย

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนพาผู้เสียหาย 3 รายแรก คือ นางธัญญลักษณ์ อายุ 43 ปี นางสาวสุทัตตา อายุ 25 ปี และนางสาวศิริวรรณ อายุ 25 ปี มาให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม และก็จะไปที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร กับไปสำนักงานประกันสังคมจังหวัด เพื่อทวงถามเรื่องเงินเยียวยา

พร้อมกันนี้ยังได้นำ นายกิตติพงษ์ อายุ 34 ปี สามีของนางสาวธัญญาภรณ์ อายุ 37 ปี ผู้เสียหายรายที่ 4 ที่คลอดลูกแล้วเสียชีวิตมาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ตามที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกว่า มีเด็กเสียชีวิตในหนึ่งเดือนประมาณ 4 – 5 ศพ ตนมองว่ามันมากและทุกรายที่เป็นผู้เสียหายในคดีก็มีการฝากครรภ์กับหมอสยาม โดยจ่ายพิเศษรายละ 5,000-7,000 บาท เป็นอย่างต่ำ ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตัวเลขเดือนกันยายน 2563 มีการไปเก็บศพที่โรงพยาบาลจริงจำนวน 40 ศพ

ซึ่งอันนี้เป็นยอดที่ทางปอเต็กตึ๊งแจ้งตนมา แต่ทาง ผอ.รพ. บอกว่า เป็นยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้ตนเชื่อว่าจะมีเด็กที่เสียชีวิตจากการคลอดที่โรงพยาบาลมากกว่า 60 ราย ในรอบ 1 ปี ดังนั้นจึงเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ และเป็นตัวเลขที่เราต้องมาดำเนินคดีให้กับผู้เสียหายทั้ง 4 ราย โดยจะมีการฟ้องละเมิดทางโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ต้องรับผิดชอบ และจะมีการฟ้องหมอสยาม ในคดีอาญาและคดีเพ่ง

ด้าน นายกิตติพงษ์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ลูกตนคลอดเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 และเสียชีวิต 12 กันยายน 2563 โดยสาเหตุการเสียชีวิตนั้นหมอระบุว่าเกิดจากติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งตนได้พาภรรยาไปฝากครรภ์ที่คลินิกหมอสยาม จากนั้นพอตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน เกิดมีภาวะความดันสูง

หมอจึงให้มารักษาตัวที่โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2563 จนถึงวันที่ 11 กันยายน 2563 ระหว่างนั้นมีหมออีกคนมาทำคลอด โดยหมอต้องทำการผ่าคลอด แต่ปรากฏว่าลูกอยู่ได้ 1 วันก็เสียชีวิตลง เนื่องจากคลอดก่อนกำหนด ซึ่งสิ่งที่ตนสงสัย คือต้องการสอบถามว่า เหตุที่ลูกเสียชีวิตนั้น เกิดจากความผิดปกติตรงไหน เพราะว่าตอนตรวจครรภ์ ลูกของตนก็ปกติทุกอย่าง

ขณะที่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เผยว่า หลังจากมีข่าวออกมาว่าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีเด็กเสียชีวิต 40 ศพนั้น ตรงนี้น่าจะเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดกัน โดยนายอัจฉริยะฯ พูดที่กระทรวงสาธารณสุข ตัวเลขนี้นายอัจฉริยะฯ แจ้งว่ารับฟังจากคุณแม่รายแรก ซึ่งคุณแม่รายแรกมาที่โรงพยาบาลและทางโรงพยาบาลก็ได้ให้เจ้าหน้าที่พาไปที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร

ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิชี้แจงว่าเมื่อเดือนกันยายน ได้มาเก็บศพเพื่อนำไปรักษาต่อไว้ที่มูลนิธิซึ่งจำนวนหลายศพ โดยคุณแม่อาจเข้าใจเลยเล่าต่อให้คุณอัจฉริยะฟัง ซึ่งการเสียชีวิตในโรงพยาบาลทุกสาเหตุ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ โรงพยาบาลจะวิเคราะห์ว่าเกิดจากตัวโรค เกิดจากการดูแลรักษา หรือเกิดจากสาเหตุใด เพื่อนำไปปรับปรุงการดูแลรักษา ในส่วนเด็กทารกที่เสียชีวิตแต่ละเดือนไม่ได้มากขนาดนั้นเพราะบางเดือนมีประมาณ 2-4 ราย

ทั้งนี้การเสียชีวิตแม้แต่รายเดียวทางโรงพยาบาลก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ส่วนที่มีบางสื่อเขียนออกมาว่ามีเด็กเสียชีวิตเดือนกันยายน 2563 จำนวน 40 ศพนั้น ขอชี้แจงว่า ยอด 40 ศพ เป็นยอดสะสมของเด็กทารกที่เสียชีวิตตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงเดือนกันยายน โดยเมื่อเด็กเสียชีวิตลงทางโรงพยาบาลจะเก็บไว้ระยะหนึ่ง รอให้พ่อแม่หรือญาติมาติดต่อขอรับไปบำเพ็ญกุศล

ผู้อำนวยการโรงพยาบาล กล่าวต่อว่า แต่ถ้าไม่มีใครมาติดต่อก็จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ มานำศพไปเก็บไว้ที่สุสานฯ ซึ่งในเคสบุตรของรายแรกนั้น ทางโรงพยาบาลยอมรับข้อบกพร่องว่า ไม่ได้มีการประสานอย่างต่อเนื่องกับพ่อแม่ของเด็กที่เสียชีวิต เพราะขณะนั้นแม่ของเด็กอยู่ในห้องไอซียู พ่อเด็กก็ต้องดูแลแม่ จึงทำให้ขาดการประสานติดต่อกัน จนกลายเป็นปัญหาว่าตามหาศพลูกไม่พบ

สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตทางส่วนกลางกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย ก็จะติดตามคุณภาพการรักษาของโรงพยาบาลทุกแห่ง ซึ่งจะมีเกณฑ์โดยนับจากเด็กเกิดมีชีพ ไม่ควรจะเสียชีวิตเกิน 7 – 8 คน ต่อ 1,000 ชีพ ซึ่งตรงนี้อยู่ในเกณฑ์สูงแต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ขณะที่สาเหตุที่เด็กทั้ง 3 รายเสียชีวิตนั้น รายแรกจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าครรภ์เป็นพิษรุนแรง ค่อนข้างฉุกเฉินเฉียบพลัน โอกาสที่ลูกกับแม่จะมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก

จากสถิติการเกิดภาวะแบบนี้อัตรา 1 ต่อ 15,000 หรือ 20,000 แต่ถ้าเกิดขึ้นมาเด็กมีโอกาสเสียชีวิตถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแม่ 75 เปอร์เซนต์ โดยรายนี้ลูกเสียชีวิตก่อนคลอดส่วนแม่เข้ารักษาตัวที่ห้องไอซียู ส่วนรายที่สองจากประวัติพบว่า ฝากครรภ์ที่คลินิค แล้วพบว่าแข็งแรงดี ทำให้แม่เข้าใจว่าสมบูรณ์ดี แต่พอคลอดมาแล้วเด็กมีปัญหาในเรื่องการหายใจ มีปัญหาหลายเรื่อง ซึ่งเราก็พยายามช่วยรักษา แต่เด็กก็อยู่ได้ไม่นาน

ส่วนรายที่สามคุณแม่ผ่าตัดออกมา และก็ได้ไปสังเกตอาการพบว่าเด็กมีปัญหาการหายใจ น่าเกิดจากอาการสำลักและน่าจะเกิดจากภาวะปอดติดเชื้อ จนนำมาซึ่งการเสียชีวิตดังกล่าว นอกจากนี้ในส่วนที่มีการระบุในเพจหนึ่งว่า มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลรับเงินเยียวยาจากประกันสังคมไปแล้ว แต่ไม่นำมาให้ผู้เสียหายนั้น

ขอยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนไหนไปรับค่าเยียวยามาจากประกันสังคม เพราะทางโรงพยาบาลไม่มีสิทธิรับค่าเยียวยาแต่อย่างใดทั้งสิ้น ประกันสังคมจะมอบให้กับผู้เสียหายโดยตรงเท่านั้น ส่วนเรื่องของการฟ้องร้องนั้น ก็ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ทางโรงพยาบาลมีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน