ตำรวจกับกุมหนุ่มวัย 19 ปี บังคับแฟนวัย 14 วีดิโอคอล คุยเสียวกับผู้ชาย หารายได้เข้ากระเป๋า ซ้ำยังทารุณทำร้ายร่างกาย โดนแจ้งข้อหายาวเหยียด
วันนี้ 31 ธ.ค. 2563 พ.ต.ต.สุชาติ มานะการ สว.สส.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภาค 2 (ศพดส.) จับกุมนายนันทกร จันอ่อน อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาคดีพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี
- หนุ่มขอเงินกินเหล้าไม่ได้ ยกเก้าอี้จะฟาดพี่เขย เจอฟันสวนดับคาที่
- ดวงถึงฆาตเพราะสติ๊กเกอร์หัวเราะ หนุ่มบ้านเดียวกันซัลโวดับ เจ็บอีก 1
- กองปราบปราม ตามรวบมือปืนแก๊งยานรก หนีคดีประกบยิงถล่มลูกหนี้ดับ
สืบเนื่องจากพ.ต.ต.สุชาติ มานะการ สว.สส. สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวนศพดส. ภาค 2 สืบทราบว่าเด็กหญิง อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ได้โพสต์ภาพของตนเองถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บลงในโลกโซเซียล จึงได้ไประสานเข้าพูดคุยกับผู้เสียหาย และแม่ของเด็ก
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อประมาณวันที่ 10 ธ.ค. 63 ถูกนายนันทกร แฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาและแผ่นหลัง และเคยถูกนายนันทกร ล่วงละเมิดทางเพศ และถูกบังคับให้ใช้โทรศัพท์เปิดวีดีคอลพูดคุยเรื่องเพศ กับชายแปลกหน้าหลายคน โดยนายนันทกร จะได้เงินจากการให้เด็กวีดิโอคอลแล้วจะนำเงินมาใช้ด้วยกัน
ทางแม่เด็ก ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ไม่เคยทราบเรื่องและไม่เคยให้ความยินยอมเกี่ยวกับเหตุการนี้มาก่อน พร้อมแสดงความประสงค์ว่าจะแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายแก่นายนันทกร จนถึงที่สุด
จึงได้พาแม่และเด็กเข้าแจ้งความร้องทุกกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพัทยา ก่อนพนักงานสอบสวนสอบปากคำและส่งเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ก่อนรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดพัทยา เลขที่ 307/2563 นำไปสู่การจับกุมดังกล่าว
เบื้องต้นแจ้ง ข้อหา “พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร” ข้อหา “พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และกระทำการชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”
ข้อหา “ทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ข้อหา”ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น
หรือใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น” และข้อหา “หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย