ยายวัย 89 ชาวเชียงราย ถูกเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุกว่า 9 หมื่นบาท บอกหมดปัญญาใช้คืน ป่วยหนัก บ้านจน เจ้าหน้าที่เห็นใจ ให้ผ่อนชำระ ประสาน พม.ช่วย

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

วันที่ 27 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 57 หมู่บ้านใหม่สันติสุข หมู่ 10 ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย พบว่ามี นางฟอง อินต๊ะปัญญา อายุ 89 ปี ผู้ที่ได้รับเงินบำนาญกรณีบุตรชายเป็นทหารเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่และเงินค่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ได้ถูกทางเทศบาลตำบลสนทราย แจ้งให้ไปชำระค่าเบี้ยยังชีพดังกล่าวคืนเป็นเงิน 99,200 บาท เนื่องจากกรมบัญชีกลางแจ้งว่าซ้ำซ้อนกัน

ขณะที่พบว่าสภาพร่างกายของ นางฟอง ปัจจุบันป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจโต และไตวายต้องไปรับการฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทำให้มีอาการหอบตลอดเวลาและเดินเองไม่ได้ ส่วนฐานะก็ยากจน อาศัยอยู่ในบ้านไม้ชั้นเดียวตามลำพัง มีบุตรชายชื่อว่า นายเขื่อนเพชร อินต๊ะปัญญา อายุ 63 ปี ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกันคอยดูแล แต่ นายเขื่อนเพชร ก็มีฐานะยากจนและมีอาชีพขับรถสามล้อเครื่องเพื่อการยังชีพไปวันๆ ขณะที่ต้องมีภาระเลี้ยงดูคนในครอบครัวของตัวเองที่มีทั้งภรรยา ลูกและหลานอีกด้วย

ด้าน นายโชคชัย แสนทวีสุข ปลัดเทศบาลตำบลสันทราย กล่าวว่า กรณีของ นางฟอง มีการสำรวจกรณีเป็นผู้ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเมื่อปี 2552 ซึ่งเจ้าตัวก็ระบุว่าไม่ใช่ข้าราชการและไม่มีสิทธิของข้าราชการใดๆ กระทั่งในปี 2563 กรมบัญชีกลางได้รับเรื่องการจ่ายค่าเบี้ยยังชีพดังกล่าวไปดำเนินการต่อจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็และตรวจสอบพบว่าเคยได้รับเงินบำนาญกรณีบุตรชายที่เสียชีวิตด้วย

จึงให้เทศบาลตำบลสันทราย ไปเรียกเงินคืน แต่เมื่อดูจากฐานะและสุขภาพแล้ว ทางเทศบาลมีความเห็นใจอย่างมาก จึงได้หารือกับคนในครอบครัวเพื่อหาทางออก เบื้องต้นคือให้ผ่อนชำระ 5 ปี เดือนละ 2,000 บาท จากนั้นได้ประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อให้การช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย

ขณะที่ นางฟอง กล่าวว่า บุตรชายคนโตของตนคือ พลทหารอินสอน ปันตั๋น ได้เสียชีวิตขณะทำหน้าที่เป็นทหารที่ อ.เชียงคำ จ.พะเยา เมื่อปี 2516 ขณะมีอายุเพียง 21 ปี ทำให้ตนได้รับเงินบำนาญของบุตรชายเดือนละ 12,000 บาท ต่อมาตนก็ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ โดยที่ตนก็ไม่รู้ว่าซ้ำซ้อนกันหรือไม่

กระทั่งเจ้าหน้าที่มาแจ้งให้ไปชำระเงินคืนจำนวนมาก ทำให้ตนยืนยันว่าไม่สามารถชำระให้ได้แน่นอน เพราะทุกวันนี้เงินที่ได้นำไปใช้เดินทางไปฟอกไต ซื้อข้าว อาหาร น้ำดื่ม จ้างคนซักผ้า ฯลฯ ครั้นจะไปทำงานค้าขายเหมือนเดิมร่างกายก็ไม่ไหว และรอเพียงวันตายเท่านั้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือผ่อนผันด้วย

ทางด้าน นายเขื่อนเพชร กล่าวว่า ทุกสัปดาห์เมื่อถึงเวลาฟอกไต ตนจะพามารดาออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระญาณสังวร อ.เวียงชัย ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ทำให้ทั้งวันไม่ได้ทำงาน และเมื่อถึงวันออกไปทำงานก็แทบไม่มีลูกค้าเพราะมีวิกฤติโควิด-19 และตนก็อายุมาก ไม่สามารถไปแข่งหาลูกค้ากับคนหนุ่มๆ ได้ ทำให้แต่ละวันแทบไม่มีรายได้เลย ดังนั้นแม้จะขอให้ผ่อนชำระเดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี ครอบครัวตนก็คงไม่มีปัญญาจะหามาคืนให้ได้แน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน