แม่พลทหารชาวตรัง พาลูกร้องดีเอสไอ โดนซ้อมในค่ายทหาร จนป่วยเสียสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ กองทัพปัดรับผิดชอบ จี้เอาผิดคนทำร้ายร่างกาย

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

วันที่ 4 มี.ค.64 นางปพิชญา (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ชาวต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง แม่ของ พลทหารประจักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี พลทหารสังกัดกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 จ.สงขลา จัดเตรียมเอกสารเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ กับ น.ส.สุพรรษา มะเหร็ม ทนายความของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และรับเป็นคดีพิเศษ กรณี พลทหารประจักษ์ฯ ถูกทำร้ายร่างกายขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกองบิน 56 โทษฐานหนีทหาร

ทั้งนี้จะให้คณะกรรมการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแต่งตั้งขึ้น มีการเรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งผู้บังคับบัญชาของหน่วยงาน ทหาร นายทหาร พลทหาร หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือรับรู้ รวมทั้งพยานหลักฐานทั้งปวงที่เกี่ยวกับการรับ การฝึก การลงโทษ และทำร้ายร่างกาย พลทหารประจักษ์ฯ ตลอดจนเรื่องการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด และหากพบว่ามีการกระทำความผิด ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกนายให้ถึงที่สุด

นางปพิชญา กล่าวว่า หลังจากที่แม่พยายามร้องเรียนเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากหน่วยงานต้นสังกัด ผ่านสื่อมวลชนและศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง เพื่อให้รับผิดชอบเยียวยาลูกชาย แต่ไร้ผล โดยทางกองทัพปฏิเสธความรับผิดชอบมาโดยตลอด และกล่าวอ้างว่าลูกชายของตนเองตกจากที่สูง ขณะพยายามหลบหนีออกจากที่คุมขังภายในค่ายทหาร ทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์บริเวณก้นกบ และศีรษะ สมองกระทบกระเทือน ขาหัก และเป็นผู้ป่วยจิตเวชมาก่อนที่จะกลับเข้าไปรับโทษในค่ายทหาร

ตนเองยืนยันว่า ลูกชายเป็นปกติทุกประการขณะกลับเข้าไปในค่าย และแผลที่จะเกิดจากการถูกลวดหนามเกี่ยว ควรจะเกิดขึ้นบริเวณด้านหลัง ไม่ใช่บริเวณก้นหรือศีรษะ และแผลฉกรรจ์ที่บริเวณก้นกบนั้น ทะลุเข้าหากันได้

ทั้งนี้ ที่แม่ต้องการให้รับผิดชอบ และหันมาดูแลเยียวยาลูกชายและครอบครัวบ้าง เพราะตนเองมีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น และเดิมก็มีสภาพปกติทุกอย่าง แต่จู่ๆ ทางค่ายทหารได้โทรศัพท์มาให้แม่ไปรับลูกชายกลับบ้าน ในสภาพที่ลูกชายบาดเจ็บสาหัส เสียสติ จำแม่ของตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ลูกชายคนนี้ถือเป็นความหวังของตนเอง จะได้ดูแลแม่ยามชรา แต่กลับกลายเป็นแม่ต้องมาดูแลลูกแทน

นางปพิชญา กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเป็นห่วงลูกชายและหลานชายซึ่งเป็นลูกของ พลทหารประจักษ์ เพราะหากแม่ไม่อยู่ ลูกและหลานจะอยู่กันอย่างไร ใครจะเป็นคนเลี้ยงดู ส่งเสียให้เรียนหนังสือ เพราะขณะนี้แม่เป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด จึงต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาแสดงความผิดชอบดูแลเยียวยาลูก นอกจากนั้น ขณะนี้ลูกชายก็ยังไม่ได้ไปปลดประจำการ ซึ่งเดิมเขาบอกว่าจะให้เมื่อเมษายน 2563 แต่ผ่านมาเกือบปีแล้วก็ยังไม่ได้

นางปพิชญา เกล่าวอีกว่า ขณะนี้ลูกชายมีอาการแทรกซ้อนเพิ่มมากขึ้นบริเวณขาขวา ซึ่งเคยบาดเจ็บสาหัส กระดูกหัก และเดินไม่ถนัดมาตั้งแต่เกิดเรื่อง โดยขณะนี้หมอบอกว่า ลูกชายกระดูกร้าว และกระดูกซ้อนกัน ทำให้ปวดขาขวากว่าเดิม เดินไม่ค่อยได้ โดยแพทย์ได้ให้ไม้เท้าค้ำยันมาช่วยในการเดิน ส่วนอาการทางสมองดีขึ้นตามลำดับ ความจำกลับมาได้ดีขึ้น และสามารถจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว แต่อาการทางจิตประสาทยังเกิดขึ้นได้บ้างในบางครั้ง

โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ช่วงเย็นในระหว่างที่ลูกชายอยู่บ้านตามลำพัง พบว่าอาการทางจิตกำเริบ ควบคุมตัวเองไม่ได้ จนต้องออกไปนอนขวางอยู่ริมถนน หวิดถูกรถชน แต่ทั้งนี้ ยังต้องรักษาอาการต่อเนื่อง โดยล่าสุดหมอนัดตรวจอีกครั้งในวันที่ 16 มีนาคมนี้

สำหรับกรณีของ พลทหารประจักษ์ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2560 หลังจากได้สมัครเข้าเป็นพลทหารประจำการ ผลัด 2 ซึ่งภายหลังเข้ารับการฝึก 3 เดือน กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 จะให้พลทหารใหม่ทุกนายกลับบ้าน รอบแรกจำนวน 10 วัน แต่เมื่อครบ 10 วัน พลทหารประจักษ์ฯ ไม่ได้กลับเข้ากองพันฯ ตามกำหนด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2561 จึงกลับเข้าไปประจำการยังกองพันฯ อีกครั้ง ซึ่งตลอดระยะเวลาเข้าประจำการร่างกายสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง

จนกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ทางกองพันฯ ได้แจ้งมายังครอบครัวไปรับตัว พลทหารประจักษ์ กลับบ้าน ในมีสภาพอิดโรย นอนจมกองปัสสาวะ อุจจาระ และไม่สามารถจำแม่ของตนได้ ตามร่างกายมีร่องรอยบาดแผล มีรอยฟกช้ำ ไม่ได้สติ และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ จนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลตรังตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน