จบยาก แย่งศพพ่อ น้องยื่นคัดค้านคำสั่งศาล เชื่อสาเหตุที่ไม่ให้จัดงานศพ พี่ยันต้องนำศพกลับบ้านตามคำสั่งเสียพ่อ พร้อมเจรจากับน้อง

กรณี นางพรรนี (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ระหว่างกำลังจัดงานศพ ให้ นายเพิก (สงวนนามสกุล) อายุ 80 ปี ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา แล้วถูก นายธวัชชัย (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นพี่ชายของตน ยื่นคำร้องต่อศาล ขอไม่ให้จัดการกับศพของนายเพิก

ทำให้ เดิมทีตั้งใจสวดพระอภิธรรมศพ 3 คืน และจะฌาปนกิจศพในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ต้องเลื่อนออกไป สร้างความเสียใจให้กับตน และลูกหลาน รวมถึงครอบครัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการจัดเตรียมงานเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ซึ่งตนไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่พี่ชายมายื่นคัดค้านการจัดการศพของพ่อ

ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 นน. วันที่ 7 พ.ย.2567 นางพรรนี พร้อมลูกสาว เดินทางไปยังศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งศาล ที่ไม่ให้ตนจัดการกับศพของพ่อ โดยนางพรรนี ให้ข้อมูลว่า ตนเชื่อว่าปัญหาที่ทำให้พี่ชายยื่นคัดค้าน การจัดการศพของพ่อ เป็นเพราะเรื่องของผลประโยชน์ เงินฌาปนกิจศพที่ได้ทำไว้ตั้งแต่อยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์ ประมาณ 200,000 บาท

ซึ่งตอนแรก เงินฌาปนกิจดังกล่าว พ่อลงชื่อผู้รับผลประโยชน์ไว้เป็นชื่อของตน ก่อนที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน นายธวัชชัย มาพูดคุย และขอเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นชื่อของนายธวัชชัย โดยอ้างว่า ต้องการนำเงินไปใช้ในงานศพของพ่อ หากขาดเหลือเท่าไหร่นายธวัชชัยจะรับผิดชอบทั้งหมด จึงน่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้นายธวัชชัยพยายามจะนำศพของพ่อกลับไป จัดงานศพที่จังหวัดอุตรดิตถ์

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. นายธวัชชัย เดินทางมาที่ สภ.ท่าเรือ เพื่อลงบันทึกประจำวันว่า ไม่สามารถนำศพของนายเพิก ผู้เป็นพ่อ กลับไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดอุตรดิตถ์ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2567 หลังจากพ่อเสียชีวิต ตนพร้อมด้วยนางพรรนี เดินทางมาทำข้อตกลงต่อหน้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าเรือว่า หลังจากพ่อเสียชีวิต จะให้นางพรรนี จัดงานศพที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นเวลา 3 วัน

หลังจากนั้น ตนจะรับศพของพ่อกลับไปประกอบพิธีที่จังหวัดอุตรดิตถ์อีก 3 วัน แล้วจึงค่อยประกอบพิธีฌาปนกิจศพ แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลาจริง หลังจากสวดพระอภิธรรมศพของพ่อเป็นเวลา 3 วัน ตามที่กำหนดแล้ว นางพรรนี กลับไม่ยอมให้ตนรับศพของพ่อกลับไปประกอบพิธีต่อที่จังหวัดอุตรดิตถ์ อีกทั้งยังให้ข่าวกับสื่อมวลชนทำให้ตนเสียหาย

ตนยืนยันว่า สาเหตุที่ตนต้องการนำศพของพ่อกลับไปประกอบพิธีที่จังหวัดอุตรดิตถ์นั้น เนื่องจากเป็นความต้องการสุดท้ายของพ่อก่อนที่จะเสียชีวิต ที่ต้องการให้ตนนำศพของพ่อกลับไปประกอบพิธีที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จึงได้ทำหนังสือ การรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลศพขึ้นมา และให้พ่อเซ็นตั้งแต่ตอนยังอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์

ตนยืนยันว่าลายเซ็นในหนังสือเป็นลายเซ็นของพ่อจริง ไม่ได้ปลอมแปลงอย่างที่ถูกกล่าวหา อีกทั้ง หากเป็นการปลอมลายเซ็นจริง ศาลจังหวัดกาญจนบุรี คงไม่ยอมออกคำสั่งห้ามจัดการกับศพให้กับตนอย่างแน่นอน

นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า ประเด็นที่น้องสาว กล่าวหาว่าตนต้องการเงินฌาปนกิจของพ่อนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะหากตนต้องการเงินฌาปนกิจของพ่อจริง ตนไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอนำศพกลับไปประกอบพิธีที่จังหวัดอุตรดิตถ์ก็ได้ เพียงยินยอมให้นางพรรนี ทำพิธีฌาปนกิจศพให้เสร็จที่จังหวัดกาญจนบุรี ตนก็รับเงิน 200,000 บาทเข้ากระเป๋าสบายๆโดยที่ไม่ต้องทำอะไรให้เหนื่อย

แต่ที่ตนต้องออกมาเรียกร้องเพื่อจะนำศพของพ่อกลับไปที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ก็เพราะเป็นความต้องการสุดท้ายของพ่อเท่านั้น

หลังจากนี้ หากน้องสาวต้องการเจรจา ตนก็พร้อม โดยมีจุดยืนเพียงข้อเดียว คือต้องการนำศพของพ่อกลับไปประกอบพิธีที่จังหวัดอุตรดิตถ์เท่านั้น หากยินยอมให้ตามที่ตนขอ เรื่องทุกอย่างก็จบ ตนพร้อมถอนแจ้งความ และจบเรื่องทุกอย่างทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน