หลวงพี่น้ำฝน ซัดกลับ อาจารย์เบียร์ หลังเปรียบสังขารพระเกจิ เปรียบเหมือนหมาไม่เน่าก็มีเหมือนกัน รับศิษย์เดือดหนักได้แต่เตือนใช้สติ ชาวพุทธ เตือน ระวังกระโถนกลับไปฟาดตัวเอง
วันที่ 3 ม.ค. 68 จากกรณี เพจ อ.เบียร์ (คนตื่นธรรม) ได้โพสต์คลิปที่ตอบคำถาม พระที่มรณภาพ ไม่เน่า ไม่เปื่อย เพราะศักดิ์สิทธิ์ ? เนื้อความว่า “ศักดิ์สิทธิ์ห่าอะไรล่ะ หมาก็มีนะที่ไม่เน่าเปื่อย อันนี้กูไม่ได้ดูถูกครูบาอาจารย์นะ ครูบาอาจารย์ที่มีดีเยอะแยะไม่เกี่ยว อันนี้กูพูดถึงความเห็นต่าง ร่างกายไม่เน่าเปื่อย ร่างกายไม่เน่าเปื่อยศักดิ์สิทธิ์เนี่ยศักดิ์สิทธิ์
มึงไปดูสิต่างประเทศเนี่ยที่ไม่เน่าไม่เปื่อยเนี่ยหมาแมว พี่ตายแล้วมันไม่เน่าน่ะไปหาดูสิ เอ้อ มันจะไปเกี่ยวห่าอะไรกับศักดิ์สิทธิ์ มึงไปปรุงแต่งกันเอาเอง มีประเทศเดียวนี่แหละที่มากราบศพมากราบร่างกายที่ไม่เน่าไม่เปื่อย ไปสนใจอยู่แต่กับของทิ้งแล้วของครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านทิ้งแล้วพวกมึงเอามากราบไหว้กัน เป็นของทิ้งนั่นน่ะ ใช่หรือเปล่า เอ้อ” จากนั้นคลิปก็ได้ตัดจบลงไป
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ได้เห็นคลิปมาตั้งแต่เมื่อคืนซึ่งลูกศิษย์ลูกค้าได้ส่งมาให้ดูและเมื่อเห็นแล้วก็เกิดความไม่สบายใจและรู้สึกว่า อาจารย์เบียร์ ใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไปเป็นการจาบจ้วงให้เกียรติครูบาอาจารย์และยังทำให้ลูกศิษย์หลายคนเกิดความโมโหแสดงความไม่พอใจ
แต่ก็ได้ให้แนวทางว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกรรมใครทำสิ่งใดก็ได้แบบนั้น และได้เตือนสติลูกศิษย์ลูกหาว่าควรใช้สติอย่าใช้อารมณ์ ส่วนกรณีนี้จะเข้าข้อกฎหมายหรือไม่ ขอให้เป็นความเห็นของทางทนายอนันตชัย ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ที่ควรออกมาตรวจสอบเรื่องนี้ รวมถึงต้องสอบถามความเห็นไปยังนายกสมาคมไวยกรแห่งประเทศไทย ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นเหมาะสมหรือไม่
หลวงพี่น้ำฝนกล่าวว่า การที่อาจารย์เบียร์ ออกมาให้ความเห็นแบบนั้น ถือว่าไม่สมควร เพราะพระเถราจารที่ท่านละสังขารและมีสรีระที่ไม่เน่าเปื่อยโดยลูกศิษย์ลูกหาได้เก็บไว้นั้น เป็นเพราะประสงค์ของท่าน อย่างเช่นหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อมท่านก็ได้แจ้งเอาไว้กับอาตมาตั้งแต่บวชพรรษาแรกว่า ท่านจะละสังขารในวันวิสาขบูชา หรือแม้แต่สรีระสังขารของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
พระเกจิสายนี้ก็เป็นสายเดียวกันและสรีระสังขารของท่านก็คงกระพันเหมือนกัน หรือแม้แต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็มีสรีระที่ไม่เน่าเปื่อย ลูกศิษย์ลูกหาก็ยังคงเก็บไว้เป็นศรัทธา ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่การที่เอาสรีระสังขารของท่าน ไปเปรียบกับหมา เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ถ้าจะให้อาตมาพูดแรงๆ หยาบคายกว่าอาจารย์เบียร์ก็พูดได้ แต่อาจจะมาได้ปลงไปแล้วตอนนี้ได้ดับความทุกข์ร้อนในใจ โดยใช้ธรรมะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ การเก็บสรีระสังขารของท่านเหล่านั้นก็เป็นมติโดยรวมของ ลูกศิษย์ลูกหาของท่าน เพื่อที่จะเก็บเอาไว้ให้เป็นเครื่องบูชาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการประกอบคุณงามความดีตามรอยของท่านต่อไป
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อไปว่า การที่เราจะสอน หลักธรรมให้กับญาติโยมเราจะมาคิดว่าเราทำถูกอยู่คนเดียวไม่ได้ ซึ่งลูกศิษย์ลูกค้าที่ส่งมาให้ อาตมาได้ดูก็มีความโกรธแค้นไม่สบายใจเพราะเอาครูบาอาจารย์ของเขาไปเปรียบกับหมา
เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้การที่เขาออกมาพูดแบบนั้นมาลบหลู่เดี๋ยวปัญหาก็จะเกิดกับตัวเค้าเอง หากจะย้อนกลับไปก็มีพระเกจิอาจารย์พระเถราจารหลายท่าน ที่สรีระของท่านได้ย่อยเปลี่ยนสภาพไปตามกาลเวลาซึ่งถ้าไม่มีเหตุลูกศิษย์ลูกหาก็จะจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพไปตามกระบวนการ
แต่หลายหลายท่านจะทราบว่าท่านมีวาระจิตที่จะบอกลูกศิษย์ลูกค้าของท่านซึ่งท่านจะเป็นผู้รู้ด้วยตัวท่านเอง เปรียบเหมือนเป็นการทำพินัยกรรมเอาไว้ เช่นที่วัดไผ่ล้อมคณะสงฆ์ก็ได้มีการสวดบทธรรมจักรกับวัฒนสูตร ที่หน้าสรีระสังขารของท่านตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน และทำอย่างนี้มาตลอด 20 ปี นี่ก็คือความศรัทธาที่เรามีต่อครูบาอาจารย์ของเรา
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า อย่างเช่นกรณีนี้อาจารย์เบียร์ ต้องรู้สึกว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครขาวไปทั้งหมด เราจะมีสีอื่นบ้างสีเทา สีดำ สีส้ม หรือสีอะไรเราก็ต้องพิจารณาตัวเองว่าเราอยู่ในสถานะใด
แต่อาจารย์เบียร์มาให้แนวคิดแบบนี้ลูกศิษย์ ของอาตมาเมื่อได้ทราบแล้วก็ควันออกหูกันทุกคน อาตมาก็ได้บอกเพียงแต่ว่า เรื่องนี้เป็นกรรมของใครที่ทำเอาไว้ก็จะได้รับแบบนั้น เพราะสรีระสังขารของท่าน ก็อยู่ดีดีของท่านแต่มีคนเอาไฟมาสุมมาสาดใส่ เราก็แค่หยุดคิดหยุดแค้นและก็จองเวรกรรมกันต่อไป
อาตมาก็สอนได้แค่นี้ อย่างเช่นอาตมามีสติปัญญาแค่ให้ลูกศิษย์ลูกหาญาติโยม ได้ปฏิบัติดีก็ยึดไว้แค่สี่อย่าง คือ ขยัน ซื่อ อดทน และรู้บุญคุณคน ก็สอนมาอย่างนี้ นี่คือสิ่งที่อาจจะมาบอกได้ แต่การที่อาจารย์เบียร์มาจับจ้วงครูบา ก็ถือว่าแรงมาก หลายคนยากจะทำใจรับได้
ขณะที่ นายณัฐธิชัย กัลยา อายุ 58 ปี ชาวตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ในฐานะพุทธศานิกชนคนหนึ่ง ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า อยากบอกว่า อาจารย์เบียร์จะสอนธรรมะก็สอนไป แต่การสอนไปแล้วมีการจับด้วงพระเกิจอาจารย์ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรมาก
อยากให้อาจารย์เบียร์หยุดการกระทำ เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นการทำลายความเชื่อมั่นศรัทธาของญาติโยมในพระพุทธศาสนา และอยากจะบอกว่ากระโถนที่อาจารย์เบียร์จะใช้ไว้ฟาดคนอื่น มันกำลังจะกลับมาฟาดที่ตัวอาจารย์เบียร์เอง