ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็น “เอเลี่ยน” วิ่งหนีกระเจิง หลังพบปลานอนตาย พอตั้งหลักได้กลับไปถ่ายภาพและแจ้ง จนท.เข้าตรวจสอบ พบเป็นสัตว์หายากในอ่าวไทย เก็บตัวอย่างซากพิสูจน์
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 เครือข่ายช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ กรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง นักวิจัยและสัตวแพทย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ศรชล.นครศรีธรรมราช เดินทางเข้าพิสูจน์ซากสัตว์ในป่าชายเลนเขตอนุรักษ์ริมชายฝั่งอ่าวปากพญา หมู่ 6 ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
หลังจากชาวประมงหาปูในพื้นที่พบอยู่ในสภาพเน่าเปื่อย เป็นสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ และมีฟันเขี้ยวขนาดใหญ่เรียงแถว ทำให้เกิดลือสะพัดว่าเป็นเอเลี่ยนมีการส่งต่อจากภาพที่เห็นแนวเขี้ยวยาวมากกว่า 1 ฟุต
โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือออกจากปากร่องน้ำเข้าป่าชายเลน ก่อนต้องเดินเท้าลุยโคลนลึกเกือบ 2 ฟุต ตรงเข้าไปอีก 50 เมตรกว่าจะพบซากสัตว์ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุได้ทันทีว่าเป็น “วาฬเพชฌฆาตดำ” เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอาศัยอยู่ในทะเลลึก หลังจากนั้นจึงเข้าเก็บตัวอย่างเพื่อนำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ
เช่นกระเพาะอาหาร เนื้อเยื่อจุดสำคัญ และเก็บหัวของวาฬตัวนี้ไปเพื่อศึกษาวิจัย ส่วนซากที่เหลือไม่สามารถฝังได้จากสภาพพื้นที่เป็นโคลนเลน และด้วยอยู่ห่างจากบ้านคนจึงปล่อยให้ย่อยสลายเป็นอาหารสัตว์ประจำถิ่นไปตามธรรมชาติ
ด้าน นายพินิจ บรรจุสุวรรณ ชาวบ้านมีอาชีพหาปูทะเลในพื้นที่ ซึ่งเป็นคนพบซากวาฬเพชฌฆาตตัวดังกล่าวเป็นคนแรกระบุว่า ขณะเข้าไปวางกับดักปูเมื่อ 2 วันก่อน พบซากวาฬตัวนี้ถึงกับความตกใจ เห็นว่าเป็นซากเน่าเปื่อย เห็นฟันเป็นเขี้ยวแหลมยาวเรียงแถว ไม่เคยเห็นมาก่อนจึงรีบวิ่งหนี แต่เมื่อตั้งสติได้จึงถ่ายภาพแล้วส่งกันไปต่อ จนมีการสงสัยกันอย่างหนักว่าคือสัตว์อะไร หรือจะเป็นเอเลี่ยน กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน ที่ถูกให้ความสนใจ
ขณะที่ น.สพ.รัตนกร พากเพียร นักวิจัยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ระบุว่า วาฬเพชฌฆาตดำ เป็นวาฬหายากอาศัยในทะเลลึก มีรายงานการพบเห็นใกล้ฝั่งน้อยมาก แทบไม่มีข้อมูลการพบเห็นเลย ตัวนี้ไม่สามารถระบุเพศได้ เนื่องจากเน่าเปื่อยแล้ว ซากตัวนี้เป็นวาฬวัยรุ่นยาวประมาณ 3.5 เมตร ขนาดโตเต็มวัยจะมีความยาวประมาณ 6 เมตร ส่วนลูกที่เกิดใหม่จะมีความยาวประมาณ 2 เมตร
“มีความเป็นได้ว่าอาจป่วยช่วงที่มีคลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงที่ผ่านมา ถูกกระแสคลื่นซัดเข้ามาตามกระแสน้ำจนกระทั่งมาเข้าช่องร่องน้ำแล้วมาติดอยู่ในป่าชายเลน ก่อนจะตาย แต่ด้วยสภาพซากเน่าเปื่อยมากแล้วไม่สามารถวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงได้ ซึ่งต้องเก็บตัวอย่างซากไม่พิสูจน์ต่อไป”