เมื่อ 27 พ.ย. บีบีซีรายงานกระแสฮือฮาในโลกโซเชียลของจีนที่มีรูปเด็กชายวัย 8 ขวบ มีหน้าตาและรอยยิ้มคล้ายแจ๊ก หม่า มหาเศรษฐีแห่งธุรกิจอาลีบาบาชื่อก้องโลก ว่ายังคงมีผู้คนแวะเวียนไปเยี่ยมเพื่อชมโฉมเจ้าหนูคนนี้วันละ 50 คนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
เด็กคนนี้มีชื่อว่า “ฟ่าน เสี่ยวฉิน” เกิดและอาศัยที่หมู่บ้านชนบท เมืองหย่งเฟิง มณฑลเจียงซี ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน มีชีวิตความเป็นอยู่ลำบากมาก ครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อถูกงูกัดจนต้องตัดขาทิ้ง แม่ป่วยเป็นโรคโปลิโอทำให้พิการตาบอด 1 ข้าง ส่วนย่าอายุ 83 ปีป่วยเป็นอัลไซเมอร์
หลังจากเรื่องราวของเด็กคนนี้เผยแพร่ออกไป นอกจากชาวโซเชียลจะสนใจในเรื่องของหน้าตาของเด็กแล้ว ยังสงสารในชีวิตที่ลำบากของเด็กและครอบครัวอีกด้วย พร้อมกับข่าวลือว่าแจ๊ก หม่าจะช่วยออกทุนการศึกษาให้เด็กคนนี้
เมื่อบีบีซีสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัทอาลีบาบา ได้คำตอบว่ายังไม่เคยได้ยิน จากนั้นจึงออกแถลงการณ์ผ่านเครือข่ายเว่ยป๋อ ว่าทุกคนไม่ควรเอาเรื่องแจ๊กหม่าน้อยมาล้อเล่น การให้ทุนการศึกษาเด็กคนหนึ่งนั้นง่าย แต่จริงๆแล้ว การจะช่วยเด็กยากจนนับล้านนั้น จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมาก
แจ๊กหม่าน้อยแจ้งเกิดในโลกโซเชียลตั้งแต่ปีก่อน แต่กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่า คนยังแห่ไปดูหน้าเจ้าหนู และเริ่มมีคนเสนอจะให้เสี่ยวฉินมารับบทในภาพยนตร์และถ่ายโฆษณา
“มันเป็นเรื่องดีที่ลูกชายผมหน้าคล้ายแจ๊กหม่า แต่ผมไม่อยากให้ลูกเข้าวงการภาพยนตร์หรือไปหาเงินตอนนี้ ผมหวังแต่ว่าวันหนึ่งลูกจะหาเลี้ยงตัวเองได้ และผมเชื่อว่ามีเพียงการศึกษาเท่านั้นที่จะพัฒนายกระดับชีวิตเขาได้” นายฟ่าน เจียฟะ พ่อของเสี่ยวฉิน กล่าว
พ่อของเจ้าหนูหน้าคล้ายแจ๊กหม่า กล่าวต่อว่า ลูกยังเรียนไม่ดีนัก ยังเขียนไม่ได้ หวังแต่ว่าลูกจะมีการศึกษาที่ดี สำหรับตนเองก็เรียนชั้นประถมฯ แค่ 2 ปี จึงอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ ดังนั้นคิดว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
นายจาง เฉิงเหลียง เป็นคนหนึ่งที่เข้าไปช่วยเจ้าหนูเสี่ยวฉิน โดยขับรถจากเมืองไป 8 ชั่วโมง และเสนอกับพ่อแม่เด็กว่าจะส่งเสียเสี่ยวฉินและพี่ชายไปเรียนหนังสือในเมืองหังโจว ถ้ายอมย้ายไปเรียนยังโรงเรียนประถมที่อยู่ใกล้ๆ บ้านของเขา หลังจากนายจางให้ทุนเด็กคนอื่นๆ แบบนี้มาแล้วกว่า 200 คน
“ผมจะให้สภาพแวดล้อมทางการศึกษาแก่แจ๊กหม่าน้อยและพี่ชายของเขาได้ในหังโจว ตอนแรกที่ผมเห็นเขา ผมคิดว่าเขาดูไม่ดีนัก เขาไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็น แม้แต่แสงไฟที่โต๊ะในบ้านก็ไม่ดี เขาต้องการสถานที่ที่เหมาะกับการเรียนและผมช่วยเขาได้” นายจางให้สัมภาษณ์บีบีซี
ด้านพ่อของเสี่ยวฉินยังตัดสินใจไม่ได้ว่า ควรจะเชื่อใจใครได้หรือไม่ แต่กังวลที่ต้องส่งลูกไปไกล ในช่วงสิบวันมานี้ เขาได้รับเงินช่วยเหลือแล้วกว่าหมื่นหยวน หรือราว 5 หมื่นบาท พร้อมเสื้อผ้า อาหาร และของใช้ในบ้าน เขาจึงอยากจะปรึกาากับเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นก่อนว่าควรจะทำอย่างไรดี
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง : ชีวิตพลิก เด็กหน้าคล้ายแจ๊กหม่า ชีวิตแสนรันทด